Factors Related to Preventive Behaviors for Rebleeding in Upper Gastrointestinal Bleeding Patients
Keywords:
Preventive behaviors for rebleeding, Upper gastrointestinal bleeding patientAbstract
This descriptive correlational research aimed to examine preventive behaviors for rebleeding and to determine factors related to preventive behaviors for rebleeding. The samples consisted of 84 upper gastrointestinal bleeding (UGIB) patients receiving follow-up service at the surgical outpatient department of Prapokklao Hospital, Chanthaburi Province. The research instruments were composed of a recording form of demographic data, a questionnaire of perceived severity of rebleeding in UGIT with the reliability of .78, a questionnaire of perceived vulnerability of rebleeding in UGIT with the reliability of .71, a questionnaire of perceived self-efficacy of preventive behavior for rebleeding in UGIT with the reliability of .87, a questionnaire of perceived response efficacy of preventive behavior for rebleeding in UGIT with the reliability of .86, and a questionnaire of preventive behavior for rebleeding with the reliability of .82. Data were collected from September, 2017 to February, 2018. Statistics used for data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, and Spearman’s rank correlation coefficient.
The research results revealed that the UGIB patients had overall mean score of preventive behaviors for rebleeding at a high level (M = 46.83, SD = 7.36). The factors that statistically significant related to preventive behaviors for rebleeding were perceived self-efficacy of preventive behavior for rebleeding in UGIT (rs = .810, p < .05), perceived response efficacy of preventive behavior for rebleeding in UGIT (rs = .720, p < .05), perceived severity of rebleeding in UGIT (rs = .320, p < .05), and perceived vulnerability of rebleeding in UGIT (rs = .310, p < .05).
This research suggests that nurses should encourage perceived self-efficacy and perceived response efficacy of preventive behavior for rebleeding in UGIT among UGIB patients in order to raise positive motivation and maintain preventive behaviors for rebleeding in UGIT.
References
เขมารดี มาสิงบุญ, สายฝน ม่วงคุ้ม, และสุวรรณี มหากายนันท์. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันการเกิดโรคเบาหวานในกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 27(2), 214-227.
ณรงค์ศักดิ์ หนูสอน. (2553). การส่งเสริมสุขภาพในชุมชน: แนวคิดและการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทิพวรรณ์ ประสานสอน, และพรเทพ แพรขาว. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้การเกิดโรค และพฤติกรรมการป้องกันโรค ในบุคคลที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 31(2), 36-43.
นิติกร ภู่สุวรรณ, และเสาวลักษณ์ ทูลธรรม. (2558). การรับรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีของประชาชนอายุ 20-40 ปี ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 34(6), 635-644.
บุษยารัตน์ ลอยศักดิ์, วัลภา คุณทรงเกียรติ, และภาวนา กีรติยุตวงศ์. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้นซ้ำ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 24(1), 51-64.
ปริยานุช รุ่งเรือง, ภรณี วัฒนสมบูรณ์, สุปรียา ตันสกุล, และลักขณา เติมศิริกุลชัย. (2558). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีกลุ่มเสี่ยงที่ไม่เคยตรวจคัดกรองในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา. Veridian E-Journal, Science and Technology Silpakorn University, 2(2), 36-49.
พิมพ์จิตร์ กาญจนสินธุ์, และวาริดา จงธรรม์. (2558). การพยาบาลผู้ป่วยที่มีเลือดออกทางเดินอาหารในระยะวิกฤต. ใน รัชนี เบญจธนัง, พิมพ์จิตร์ กาญจนสินธุ์, ปราณี ทองใส, และสุมิตรา สินธ์ศิริมานะ (บ.ก.), การพยาบาลศัลยศาสตร์วิกฤต (น. 263-276). กรุงเทพฯ: พี.เอ.ลีฟวิ่ง.
ภทรพรรณ อุณาภาค, และขวัญชัย รัตนมณี. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังของโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา, 10(2), 44-54.
ภัทรสิริ พจมานพงศ์, จารุวรรณ กฤตย์ประชา, และทิพมาส ชิณวงศ์. (2556). พฤติกรรมป้องกันโรคหัวใจกำเริบซ้ำในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหลังการขยายหลอดเลือดหัวใจ. ใน เอกสารการประชุมหาดใหญ่วิชาการ ครั้งที่ 4 เรื่อง การวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมไทย (น. 185-194). สงขลา: สำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
เมธิกานต์ ทิมูลนีย์, และสุนิดา ปรีชาวงษ์. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในพนักงานทำความสะอาดวัยก่อนหมดประจำเดือน. วารสารเกื้อการุณย์, 23(1), 118-132.
รังสันต์ ชัยกิจอำนวยโชค, และชยันตร์ธร ปทุมานนท์. (2559). คะแนนที่ใช้ทำนายความรุนแรงของภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้น ปี ค.ศ. 2014. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 25(3), 411-423.
ลิวรรณ อุนนาภิรักษ์. (2560). พยาธิสรีรวิทยาทางการพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: วี พริ้นท์ (1991).
สมถวิล จินดา. (2551). พฤติกรรมการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่มีเลือดออกในทางเดินอาหารส่วนต้นที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สุทัสสา ทิจะยัง. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครปฐม: มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
สุวัฒน์ ศิริแก่นทราย. (2558). การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคและพฤติกรรมการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ในตับของประชาชนในตำบลหนองภัยศูนย์ อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู. ใน เอกสารการประชุมวิชาการและเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ เรื่อง สร้างสรรค์และพัฒนา เพื่อก้าวหน้าสู่ประชาคมอาเซียน ครั้งที่ 2 (น. 113-121). วิทยาลัยนครราชสีมา.
สุเทพ กลชาญวิทย์. (2553). โรคกรดไหลย้อน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
หน่วยเวชระเบียนและสถิติ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี. (2559). สถิติโรค. จันทบุรี: ผู้แต่ง.
อรุณี สมพันธ์, แสงทอง ธีระทองคำ, นพวรรณ เปียซื่อ, และสมนึก สกุลหงส์โสภณ. (2558). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานในผู้ที่เสี่ยงต่อเบาหวาน. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 21(1), 96-109.
อาภาพร เผ่าวัฒนา, สุรินธร กลัมพากร, สุนีย์ ละกำปั่น, และขวัญใจ อำนาจสัตย์ซื่อ. (2554). การสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคในชุมชน: การประยุกต์แนวคิดและทฤษฎีสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: ภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
เอมอร จารุรังษี. (2558). แนวคิดและทฤษฎีพัฒนาการวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ. ใน สาขาวิชามนุษยนิเวศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, เอกสารการสอนชุดวิชา พัฒนาการวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ หน่วยที่ 1-7 (น. 1-70). กรุงเทพฯ: อรุณการพิมพ์.
Campbell, H. E., Stokes, E. A., Bargo, D., Logan, R. F., Mora, A., Hodge, R., … Jairath, V. (2015). Costs and quality of life associated with acute upper gastrointestinal bleeding in the UK: Cohort analysis of patients in a cluster randomised trial. BMJ Open, 5(4), e007230.
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A. G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behavior Research Methods, 39(2), 175-191.
Hreinsson, J. P., Kalaitzakis, E., Gudmundsson, S., & Bjornsson, E. S. (2013). Upper gastrointestinal bleeding: Incidence, etiology and outcomes in a population-based setting. Scandinavian Journal of Gastroenterology, 48(4), 439-447.
Lau, J. Y., Sung, J., Hill, C., Henderson, C., Howden, C. W., & Metz, D. C. (2011). Systematic review of the epidemiology of complicated peptic ulcer disease: Incidence, recurrence, risk factors and mortality. Digestion, 84(2), 102-113.
Lee, Y. J., Min, B. R., Kim, E. S., Park, K. S., Cho, K. B., Jang, B. K., … Jeon, S. W. (2016). Predictive factors of mortality within 30 days in patients with nonvariceal upper gastrointestinal bleeding. The Korean Journal of Internal Medicine, 31(1), 54-64.
Rogers, R. W. (1983). Cognitive and physiological processes in fear appeals and attitude change: A revised theory of protection motivation. Retrieved from https://www.researchgate.net/publication/229068371
Wang, C. Y., Qin, J., Wang, J., Sun, C. Y., Cao, T., & Zhu, D. D. (2013). Rockall score in predicting outcomes of elderly patients with acute upper gastrointestinal bleeding. World Journal of Gastroenterology, 19(22), 3466-3472.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2019 JOURNAL OF PHRAPOKKLAO NURSING COLLEGE
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน