The Effect of Family Participation Program on Quality of Life in Terminal Cancer Patients

Main Article Content

Chopaka Pooykhaw
Sureeporn Thanasilp
Janya Chimluang

Abstract

This quasi-experimental research aimed to study the effect of a family participation program on the quality of life in terminal cancer patients. Schepp’s family participation concept (1995) was applied as the conceptual framework for the caring of terminal cancer patients. The study sample were 44 terminal cancer patients who were treated at ArokayasalaKhampramong temple, Sakon Nakhon Province. The subjects were collected by purposive sampling. They were divided into two groups of 22 each, the experimental group and the control group. They were matched to caregivers by sex, age and their Palliative Performance Scale level. The control group received routine care, while the experimental group received routine care as well as the family participation program. The content of the experimental program in the terminal cancer patients were validated with five experts and the instruments used to collect the data were the Quality of life Questionnaire and Family support Questionnaire. Reliability for questionnaires tested by Cronbach’s alpha were 0.90 and 0.96, respectively. The data were analyzed using mean, standard deviation and t-test.


The major findings showed that: (1) The quality of life of the terminal cancer patients in the experimental group after receiving the family participation program care was significantly higher than before receiving the treatment was at the level of .05 (x̄ pre=70.91; x̄ post=77.64;  t= 2.23, P < .05). (2) The quality of life of the terminal cancer patients after receiving the  treatment was not significant between the experimental group and the control group  (x̄ treatment=77.64; x̄ control=75.86; t= .41, P > .05).

Article Details

How to Cite
Pooykhaw, C., Thanasilp, S., & Chimluang, J. (2019). The Effect of Family Participation Program on Quality of Life in Terminal Cancer Patients. Kuakarun Journal of Nursing, 26(2), 93–106. Retrieved from https://he01.tci-thaijo.org/index.php/kcn/article/view/174034
Section
Research Articles

References

กิตติกร นิลมานัต. (2555). การดูแลระยะสุดท้ายของชีวิต.พิมพ์ครั้งที่1. สงขลา: ชานเมืองการพิมพ์.
กาญจนา มยุระสุวรรณ. ( 2552). ผลของโปรแกรมการสนับสนุนและให้ความรู้ร่วมกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบโปรเกรสซีพต่อความวิตกกังวลในญาติผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2557). แนวทางการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย. [ระบบออนไลน์].แหล่งที่มา: http//www.dms.moph.go.th.[20 กรกฎาคม 2558].
ชมนาด วรรณพรศิริ อรวรรณ รัตนจำรูญและมลิวัลย์ ตระกูลทิพย์. (2557). ผลของรูปแบบการดูแลโดยมีครอบครัวเป็นศูนย์กลางต่อการดูแลครอบครัวและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 8(2), 19-30.
ดรุณี ท่วมเพ็ชร, สธิศา ล่ามช้างและศรีพรรณ กันธวัง. (2554). ผลของกลุ่มสนับสนุนต่อการมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กของบิดามารดาเด็กที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักกุมารเวชกรรม. พยาบาลสาร, 38( 3) , 61-72.
ทัศนีย์ ทองประทีป. (2553). พยาบาล: เพื่อนร่วมทุกข์ผู้ป่วยระยะสุดท้าย. พิมพ์ครั้งที่3. กรุงเทพฯ:บริษัท วี. พริ้นท์ (1991)
นงลักษณ์ สรรสมและสุรีพร ธนศิลป์. (2553). ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย .วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฉบับพิเศษ: 42-53.
เพ็ญศรี มรกต, กิตติกร นิลมานัติและเยาวลักษณ์ มัชฌิม. (2556). การปรับตัวของญาติผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง. บทความวิจัยเสนอในที่ประชุมหาดใหญ่วิชาการครั้งที่4, (718) , 90-97.
มัณฑิกา ประชากิจและพิมภา สุตรา. (2555). ผลของโปรแกรมการพยาบาลครอบครัวต่อคุณภาพ ชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ที่ได้รับเคมีบำบัดและผู้ดูแลหลักในครอบครัว. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 30(3), 104-112.
วงจันทร์ พิเชฐเชียร. (2554). การพยาบาลที่เป็นเลิศในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง. สงขลา: ชานเมืองการพิมพ์.
วริสรา ลุวีระ. (2556). การดูแลสุขภาพของผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย. ศรีนครินทร์เวชสาร, 28 (2), 266-70.
สมจิต หนุเจริญกุล. (2544). การดูแลตนเองศาสตร์และศิลปะทางการพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่5. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด วี. เจ. พริ้นติ้ง.
สุดารัตน์ ควระพฤกษ์. (2555). ผลของโปรแกรมการให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลต่อ ความรู้สึก ทุกข์ทรมานของผู้ป่วยที่ได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ ความวิตกกังวลและความพึงพอใจของครอบครัว. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สุวรรณา มณีจำนง. (2552). ประสบการณ์การดูแลแบบองค์รวมของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายของชีวิต. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 3(2), 105-116.
สุวรรณา มณีจำนง. (2551). ประสบการณ์การดูแลแบบองค์รวมของผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายของชีวิต. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
สุรีพร ธนศิลป์ และพีชญดา คงศักดิ์ตระกูล. (2548). ปัจจัยทำนายคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด. วารสารวิจัยทางการพยาบาล, 9(4), 306-315.
สถิติโรคมะเร็งของประเทศไทย. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2536). ข้อมูลสถิติ [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา : http//www.thailabonline.com [15 มกราคม 2557].
สาธารณสุข, กระทรวง. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์. (2554). ข้อมูลสถิติ [ระบบออนไลน์].แหล่งที่มา : http//bps. ops. moph. go. th [15 มกราคม 2557].
สมัชชาสุขภาพ. (2556). ร่างมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นระเบียบวาระยุทธศาสตร์ระดับชาติว่าด้วยการสร้างเสริมสุขภาวะในระยะท้ายของชีวิต[ระบบออนไลน์].แหล่งที่มา : http//www.samatcha.org. [3 กุมภาพันธ์ 2557].
อุบล จ๋วงพานิช. (2544). บทบาทของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย. วารสารการศึกษาพยาบาล, 2(3), 72-77.
อรวรรณ พรคณาปราชญ์. (2555). ผลของโปรแกรมการมีส่วนร่วมของครอบครัวต่อความวิตกกังวลของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,สาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Bloom JR, Petersen DM, Kang SH. (2007). Multi-dimensional quality of life among long-term(5+year) adult cancer survivors. Psycho-Oncology, 16, 691-706
Cella, D. F. (1994). Quality of life: Concepts and definition. Journal of Pain and Symptom Management, 9(3), 186-192.
Engelberg, R. A., Downey, L., Wenrich, M. D., Carline, J. D., Silvestri, G. A., Dotolo, D., . . . Curtis, J. R. (2010). Measuring the Quality of End-of-Life Care. Journal of Pain and Symptom Management, 39(6), 951-971.
Ferrell, B. R., Hassey Dow, K., & Grant, M. (1995). Measurement of the quality of life in cancer survivors. Quality of Life Research, 4(6), 523-531.
Meghani, S. H. (2004). A concept analysis of palliative care in the United States. Journal of Advanced Nursing, 46(2), 152-161.
Northouse, L. L., Walker, J., Schafenacker, A., Mood, D., Mellon, S., Galvin, E., . . . Freeman-Gibb, L. (2002). A family-based program of care for women with recurrent breast cancer and their family members. Oncology Nursing Forum, 29(10), 1411-1419.
Orem,D. (2001). Nursing Concepts of Practice (6th ed. ).St. Louis: Mosby, Inc.
Park, S. M., Kim, Y. J., Kim, S., Choi, J. S., Lim, H.-y., Choi, Y. S., . . . Yun, Y. H. (2010). Impact of caregivers' unmet needs for supportive care on quality of terminal cancer care delivered and caregiver's workforce performance. Supportive Care in Cancer, 18(6), 699-706.
Price, M. A., Bell, M. L., Sommeijer, D. W., Friedlander, M., Stockler, M. R., deFazio, A., . . . Butow, P. N. (2013). Physical symptoms, coping styles and quality of life in recurrent ovarian cancer: A prospective population-based study over the last year of life. Gynecologic Oncology, 130(1), 162-168.
Schepp, K. (1995). Psychometric assessment of the preferred participation scale for parent of hospitalized children. Unpublished manuscript, University of Washington, schoolOf Nursing, Seattle, WA.
Tamayo, G. J., Broxson, A., Munsell, M., & Cohen, M. Z. (2010). Caring for the caregiver. Oncology Nursing Forum, 37(1), E50-57.
World Health Organization. Global Atlas of Palliative care at the End of Life. World Health Organization; 2014.
Zhan, L. (1992). Quality of life: conceptual and measurement issues. Journal of Advanced Nursing, 17(7), 795-800.