Factors Predicting Preventive Behaviors for Knee Osteoarthritis among Female Thai Massage Practitioners

Main Article Content

Chanapa Udomwech
Ratsiri Thato

Abstract

The objectives of this descriptive predictive research were to study knee osteoarthritis preventive behavior and identify its predictive factors among the female Thai massage practitioners. A random sample of 190 female Thai massage practitioners was recruited from Health massage establishments in Bangkok which were certified by the Health Establishment from Department of Health Service Support Ministry of Public Health. Data were collected using 7 questionnaires; (1) demographic data form, (2) knowledge about knee osteoarthritis disease, (3) self-efficacy, (4) attitude, (5) social support, (6) policy of establishments, and (7) knee osteoarthritis preventive behavior questionnaires. All questionnaires were validated by 5 experts. Their CVI were .87, .90, .91, 1.0, .72 and .83, respectively. Their Cronbach’s alpha coefficients were .89, .87, .85, .86 and .88, respectively. Knowledge about knee osteoarthritis disease had KR-20 at .72. Data were analyzed using stepwise multiple regression.


The study revealed that (1) knee osteoarthritis preventive behavior of female Thai massage practitioners is about the average (gif.latex?\fn_jvn&space;\bar{x}= 22.77, S.D = 3.312) (2) three variables were significant predictors of knee osteoarthritis preventive behavior. They were social support (Beta = .333), policy of establishments (Beta = .309), and (3) knowledge about knee osteoarthritis disease (Beta = .197). They could explain 34.3 % of the variance in knee osteoarthritis preventive behaviors of female Thai massage practitioners (p <.05). However, self-efficacy and attitude toward knee osteoarthritis preventive behavior were not able to predict preventive behaviors for female Thai massage practitioners.


Nurses should promote to their female Thai massage practitioner patients the preventive factors of osteoarthritis. Especifically, control and / or weight loss behavior, and quadriceps exercises. Furthermore, nurses can also encourage the patient’s family members, colleagues, employers, or health care professionals to support and provide information to the patients for proper prevention of osteoarthritis. In addition, the establishment should have a policy and clear direction to encourage the prevention of osteoarthritis.

Article Details

How to Cite
Udomwech, C., & Thato, R. (2019). Factors Predicting Preventive Behaviors for Knee Osteoarthritis among Female Thai Massage Practitioners. Kuakarun Journal of Nursing, 26(1), 7–23. Retrieved from https://he01.tci-thaijo.org/index.php/kcn/article/view/167233
Section
Research Articles

References

กนกรส สุขสมชีพ. (2544). พฤติกรรมสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ โรงพยาบาลกลาง สังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร. (ปริญญานิพนธ์), มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2553). แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและรักษาโรคอ้วน: สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
กระทรวงแรงงาน, ส. (2550). มาตรฐานการวินิจฉัยโรคจากการทำงาน ฉบับเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐: สำนักงานประกันสังคม.
กัญญ์ฐพิมพ์ บำรุงวงศ์. (2558). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อของพนักงานนวดแผนไทย. (ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยมหิดล.
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2549). สถิติสำหรับงานวิจัย. โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กีรติ เจริญชลวานิช. (2559). ศัลยศาสตร์บูรณสภาพข้อเข่าเสื่อม. กรุงเทพฯ: บริษัท พี.เอ.ลีฟวิ่ง จำกัด.
เกษร สำเภาทอง. (2536). ประสิทธิผลของโปรแกรมสุขศึกษาในการส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี. (ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยมหิดล.
คู่มือการนวดแผนไทย. (2540). โครงการฟื้นฟูการนวดไทย สมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งประเทศไทย (วัดปรินายก). กรุงเทพฯ: บริษัท สร้างสื่อ จำกัด.
จริยาวัตร คมพยัคฆ์. (2553). แนวคิด หลักการ และการประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล. สมุทรปราการ: คอมเมอร์เชียล เวิลด์ มีเดีย.
จิตศจี จิตต์พิศาล และคณะ. (2557). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันอุบัติเหตุจากการทำงานของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 28(3), 84-98.
จุฑามาศ คชโคตร และคณะ. (2555). พฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ของพนักงานธนาคารกสิกรไทย ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารเกื้อการุณย์, 19(1), 71-86.
ดวงเดือน ศรีมาดี. (2557). สภาพปัญหาและพฤติกรรมการทางการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม ของประชาชนในเขตบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม, 11(2), 37-42.
ธิราวรรณ เชื้อตาเล็ง. (2553). ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมวัยผู้ใหญ่. (ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญเรียง พิสมัย และคณะ. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 42(2), 54-67.
บุปผา โพธิกุล. (2557). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคซิลิโคซิสของคนงานโรงโม่หิน ในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี. รวมบทคัดย่อการประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 15 บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 1749-1756.
ประคอง กรรณสูตร. (2547). สถิติเพื่อการวิจัยทางการพยาบาลศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 2 ed.). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประณีต ปิ่นเกล้า. (2551). ปัจจัยด้านการยศาสตร์และอัตราความชุกกลุ่มอาการผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในผู้ประกอบอาชีพนวดแผนไทย. (ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ปองจิตร ภัทรนาวิก. (2549). พฤติกรรมการป้องกันข้อเข่าเสื่อมของพยาบาล. วารสารพยาบาลศาสตร์, 24(2), 71-81.
พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ. (2559). ราชกิจจานุเบกษา 133(30ก). 16.
พสุนิต สารมาศ. (2551). ศึกษาหมอนวดแผนไทย: ผู้ให้บริการส่งเสริมสุขภาพในจังหวัดเชียงใหม่. มหาวิทยาลัยแม่โจ้, สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร.
ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์. (2558). วิถีชีวิตกับโรคข้อเข่าเสื่อม: สำนักพิมพ์ป๊ามี้คีน.
มานพ ประภาษานนท์. (2549). นวดไทย สัมผัส บำบัดเพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มติชน.
ราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย. (2554). แนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข โรคข้อเข่าเสื่อม.
วชิราภรณ์ มาลัย. (2554). การประยุกต์ใช้ทฤษฎีแรงจูงใจในการป้องกันโรคร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี. (ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
วรรณวิมล เมฆวิมล. (2553). พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ฝึกปฏิบัติงานของนักศึกษาสาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
วันดี โภคะกุล และคณะ. (2547). ผลการสำรวจภาวะสุขภาพและการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ กรุงเทพฯ สถาบันเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ กรมการแพทย์.
วิภา งามสุทธิกุล. (2543). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมและคุณภาพชีวิต. มหาวิทยาลัยมหิดล.
แววดาว ทวีชัย. (2543). พฤติกรรมการดูแลตนเองและความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ. (ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สถาบันการแพทย์แผนไทย. (2547). คู่มือประชาชนในการดูแลสุขภาพด้วยการแพทย์แผนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2556). การศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบเชิงนโยบายต่อการพัฒนาประเทศจากผลการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ.2553-2583. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เดือนตุลา.
สำนักพัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. (2548). แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยและรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย และโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ. (2556). รายงานผลการศึกษาเบื้องต้น การสำรวจสุขภาวะผู้สูงอายุไทย ปี 2556 ภายใต้แผนงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการ.
สุณี สุวรรณพสุ. (2544). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้สึกไม่แน่นอนในความเจ็บป่วย แรงสนับสนุนทางสังคม กับการปรับตัวของผู้สูงอายุโรคข้อเข่าเสื่อม. (ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุปราณี เสนาดิชัย. (2553). การปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง: บูรณาการสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: จุดทอง.
สุภามิตร นามวิชา. (2549). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของบุคลากรในโรงงานอุตสาหกรรม ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ. (ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
Bandura. (1997). Self-Efficacy: The Exercise of Control Worth Publishing Ltd.
Blagojevic, M., Jinks, C., Jeffery, A., & Jordan, K. P. (2010). Risk factors for onset of osteoarthritis of the knee in older adults: a systematic review and meta-analysis. Osteoarthritis Cartilage, 18(1), 24-33. doi: 10.1016/j.joca.2009.08.010
Brooks, P. (2003). Inflammation as an important feature of osteoarthritis. Bull World Health Organ, 81(9), 689-690.
Cooper et al. (2013). Epidemiology of Osteoarthritis. Medicographia A servier publication, 35(2), 145-151.
Dahaghin, S., Tehrani-Banihashemi, S. A., Faezi, S. T., Jamshidi, A. R., & Davatchi, F. (2009). Squatting, sitting on the floor, or cycling: are life-long daily activities risk factors for clinical knee osteoarthritis? Stage III results of a community-based study. Arthritis Rheum, 61(10), 1337-1342. doi: 10.1002/art.24737
Dahaghin S. et al. (2009). Squatting, Sitting on the Floor, or Cycling: Are Life-Long Daily Activities Risk Factors for Clinical Knee Osteoarthritis? State III Results of a Community-Based Study. Arthritis & Rheumatism (Arthritis care and Research), 61(10), 1337-1342.
Green, L. W., & Kreuter, M.W. . (2005). Health Promotion Planning: An Education and Environment Approach. 4th ed. Calif: Mayfield.
Haq, S. A., & Davatchi, F. (2011). Osteoarthritis of the knees in the COPCORD world. Int J Rheum Dis, 14(2), 122-129. doi: 10.1111/j.1756-185X.2011.01615.x
House, J. S. (1981). Work stress and social support. Califonia; Addision-Wesley.
Jevsevar, D. S., Brown, G. A., Jones, D. L., Matzkin, E. G., Manner, P. A., Mooar, P., . . . American Academy of Orthopaedic, S. (2013). The American Academy of Orthopaedic Surgeons evidence-based guideline on: treatment of osteoarthritis of the knee, 2nd edition. J Bone Joint Surg Am, 95(20), 1885-1886.
Martin, K. R., Kuh, D., Harris, T. B., Guralnik, J. M., Coggon, D., & Wills, A. K. (2013). Body mass index, occupational activity, and leisure-time physical activity: an exploration of risk factors and modifiers for knee osteoarthritis in the 1946 British birth cohort. BMC Musculoskelet Disord, 14, 219. doi: 10.1186/1471-2474-14-219
Muraki, S., Oka, H., Akune, T., En-yo, Y., Yoshida, M., Nakamura, K., . . . Yoshimura, N. (2011). Association of occupational activity with joint space narrowing and osteophytosis in the medial compartment of the knee: the ROAD study (OAC5914R2). Osteoarthritis Cartilage, 19(7), 840-846. doi: 10.1016/j.joca.2011.03.008
Pereira, D., Peleteiro, B., Araujo, J., Branco, J., Santos, R. A., & Ramos, E. (2011). The effect of osteoarthritis definition on prevalence and incidence estimates: a systematic review. Osteoarthritis Cartilage, 19(11), 1270-1285. doi: 10.1016/j.joca.2011.08.009
Richmond, S. A., Fukuchi, R. K., Ezzat, A., Schneider, K., Schneider, G., & Emery, C. A. (2013). Are joint injury, sport activity, physical activity, obesity, or occupational activities predictors for osteoarthritis? A systematic review. J Orthop Sports Phys Ther, 43(8), 515-B519. doi: 10.2519/jospt.2013.4796
Schwartz, B. J., & Allen, R. M. (1975). Measuring adaptive behavior: the dynamics of a longitudinal approach. Am J Ment Defic, 79(4), 424-433.
Silverwood, V., Blagojevic-Bucknall, M., Jinks, C., Jordan, J. L., Protheroe, J., & Jordan, K. P. (2015). Current evidence on risk factors for knee osteoarthritis in older adults: a systematic review and meta-analysis. Osteoarthritis Cartilage, 23(4), 507-515. doi: 10.1016/j.joca.2014.11.019
Virayavanich, W., Alizai, H., Baum, T., Nardo, L., Nevitt, M. C., Lynch, J. A., . . . Link, T. M. (2013). Association of frequent knee bending activity with focal knee lesions detected with 3T magnetic resonance imaging: data from the osteoarthritis initiative. Arthritis Care Res (Hoboken), 65(9), 1441-1448. doi: 10.1002/acr.22017
Zhang, Y., & Jordan, J. M. (2010). Epidemiology of osteoarthritis. Clin Geriatr Med, 26(3), 355-369. doi: 10.1016/j.cger.2010.03.001