Factors Predicting Preventive Behaviors for Coronary Artery Disease among Middle-Aged Men in Bangkok Metropolitan
Main Article Content
Abstract
The purpose of this descriptive predictive research, is to identify factors of preventive behaviors among middle-aged men in Bangkok Metropolitan. A purposive sampling of 175 middle-aged men in Bangkok were recruited from Diabetic clinic, Hypertension clinic and Outpatient department of Medicine at Police General Hospital, Lerdsin Hospital and Somdejprapinklao Hospital. Data were collected using 8 questionnaires; (1) demographic data form, (2) Stress test, (3) Perceived susceptibility, (4) Perceived severity, (5) Perceived benefits, (6) Perceived barriers, (7) Cue to action, and (8) coronary artery disease preventive behavior questionnaires. The questionnaires number 3 to 8 were tested for content validity by 5 experts. Their CVI were 0.83, 0.83, 0.80, 0.84, 0.80 and 0.82, respectively. Cronbach’s alpha coefficients of questionnaires number 2 to 8 were 0.93, 0.76, 0.86, 0.93, 0.81, 0.71 and 0.75, respectively. Data were analyzed using stepwise multiple regression statistics. The study found that (1) coronary artery disease prevention behaviors of middle-aged men in Bangkok was at appropriate level ( = 97.44, S.D=12.758), (2) four variables were significant predictors of coronary artery disease preventive behaviors. They were cue to action (Beta = .464), stress (Beta = -.232), education (Beta = .205), and Perceived benefits (Beta = .128). They could explain 37.40% of coronary artery disease preventive behaviors among middle-aged men in Bangkok (p <.05). However, perceived susceptibility to coronary artery disease, perceived severity of coronary artery disease and perceived barriers to disease prevention were not able to predict preventive behaviors for coronary artery disease among middle-aged men in Bangkok. The research suggests that Coronary artery disease preventive behaviors should be promoted among middle-aged men in Bangkok by reducing their stress, promoting knowledge about coronary artery disease, and increasing their perception of benefits to coronary artery preventive behaviors. In addition, their families, co-workers, nurse, and health care providers should take part in this promotion.
Article Details
References
ราชการส่วนกลาง กระทรวงสาธารณสุข โดยใช้แบบประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด Rama-EGAT Heart Score. Nursing Journal of The Ministry of Public Health, 27, 57-70.
เครือมาศ มีเกษม. (2554). การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารจานด่วนของบุคคลวยัทํางาน ในเขตกรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ.
เมธิกานต์ ทิมูลนีย์. (2557). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดในพนักงานทำความสะอาดวัยก่อนหมดประจำเดือน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร มหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กนกกาญจน์ สวัสดิภาพ. (2554). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดของผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติในจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารบัณฑิตวิทยาลัย พิชญทรรศน์, 6(1), 7-15.
กรมสุขภาพจิต. (2541). คู่มือคลายเครียดด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
กรมสุขภาพจิต. (2543). คู่มือคลายเครียด (ฉบับปรับปรุง) (พิมพ์ครั้งที่ 2 ed.). เชียงใหม่: หจก. เชียงใหม่ บี.เอส.การพิมพ์.
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2548). คู่มือคลายเครียดด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
กรมอนามัย. (2554). รายงานการสำรวจสภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของชายวัยทอง: กระทรวงสาธารณสุข.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2553). การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ: กระทรวงสาธารณสุข.
กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ. (2560). ข้อแนะนำการส่งเสริมกิจกรรมการทาง การลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง และการนอนหลับ: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.
กอบกุล บุญปราศภัย. (2546). พยาธิสรีรวิทยาของโรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารี่ และการพยาบาล. กรุงเทพฯ: พี เอ ลีฟวิ่ง.
กิตติ เอื้อพงศธร. (2550). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของประชาชนในอำเภอแก่งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี. (2558). โครงการศึกษาระยะยาวเพื่อหาอิทธิพลของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ปี 2528-2558. Retrieved 29 ตุลาคม, 2559, from https://med.mahidol.ac.th/cvmc/thaicv/.
คณะทำงานจัดทำข้อปฏิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย. (2552). ข้อปฏิบัติการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและราชกิจจานุเบกษา.
จรัญญา จันทร์เพ็ญ. (2553). ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจโคโรนารีของผู้หญิงที่มีภาวะความดันโลหิตสูง: การทบทวนความรู้อย่างเป็นระบบ. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาล ศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์.
จริยา ตันติธรรม. (2547). กลยุทธการพยาบาลผู้ป่วย: โรคหัวใจและหลอดเลือด. In จริยา ตันติธรรม, พิกุล ตันติธรรม, พัทยา ปั้นสุขสวัสดิ์ และ สุคิม พงศ์พัฒนาวุฒิ (Eds.), การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤติ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์นิติบรรณการ.
จริยาวัตร คมพยัคฆ์. (2553). แนวคิด หลักการ และการประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล. สมุทรปราการ: คอมเมอร์เชียล เวิลด์ มีเดีย.
จรีรัตน์ สุทธิพัฒนางกูร. (2558). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของบุคลากรมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ กรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาล ศาสตรมหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จรุง วรบุตร. (2550). พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชนวัยกลางคน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
จันทิรา ทรงเต๊ะ. (2554). พฤติกรรมสุขภาพที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจของขาวไทยมุสลิมในชุมชนมีสุวรรณ 3. (สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
จิณณพัต ธนกิจวรบูลย์. (2554). พฤติกรรมสุขภาพเพื่อการฟื้นหายของผู้ป่วยหลังเกิดภาวะกล้ามเนื้อ หัวใจตายเฉียบพลันโรงพยาบาลท่าม่วงจังหวัดกาญจนบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาล ศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
จิณห์จุฑา ฤทธิ์สวัสดิ์. (2541). รูปแบบเผชิญความเครียดที่ไม่เหมาะสมในผู้ติดสุรา. วารสารสมาคมพยาบาลสาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 20(2), 17-20.
จีระศักดิ์ เจริญพันธ์ และ เฉลิมพล ตันสกุล. (2549). พฤติกรรมสุขภาพ. มหาสารคาร: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
จุฑามาศ คชโคตร. (2555). พฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของพนักงานธนาคารกสิกรไทย ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารเกื้อการุณย์, 19(1), 71-86.
ชญานิน ทะนน. (2549). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของสตรีวัยทอง ตำบลป่างิ้ว อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย. (วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ณัชชา โพระดก. (2555). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของชายวัยกลางคนกลุ่มเสี่ยงอาการทางเมตาโบลิคในชุมชน จังหวัดกาญจนบุรี. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
ทัศพร สุดเสน่หา. (2556). ตัวแปรที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารของกลุ่มเสี่ยงโรคอ้วนลงพุงกรณีศึกษา:โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไผ่งาม อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว. (คหกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร.
ธนวรรธน์ อิ่มสมบูรณ์. (2546). พฤติกรรมสุขภาพ. เอกสารการสอนชุดวิชาสุขศึกษาและการประชาสัมพันธ์งานสาธารณสุข, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
นภาบดี อุดสม. (2552). กลุ่มอาการพร่องฮอร์โมนเพศชายและภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพในผู้ชายวัยทอง ตำบลแม่ป้าก อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่. (ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
น้ำเพชร หล่อตระกูล. (2543). การสนับสนุนทางสังคมและพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุหลอดเลือดหัวใจตีบ. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
นุชรัตน์ จิตรเจริญทรัพย์. (2549). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของบุคลากรในวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล. (ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ปถมาพร พันธุ์อุบล. (2553). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ภาวะสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของข้าราชการตํารวจวัยทอง ในจังหวัดชลบุรี. (ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ประกาย จิโรจน์กุล. (2556). ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในการศึกษาภาคตัดขวาง. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 24(1), 44-55.
ประคอง กรรณสูตร. (2542). การวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ (Vol. 3). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประสิทธิ์ กี่สุขพันธ์. (2560). การเลิกสูบบุหรี่. Retrieved 10 ตุลาคม, 2560, from https://med.mahidol.ac.th/fammed/sites/default/files/public/pdf/smokingcessation.pdf.
ปราณี มิ่งขวัญ. (2543). ความเครียดและการเผชิญความเครียดในผู้ป่วยสูงอายุโรคหลอดเลือดสมอง. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ปริมประภา ก้อนแก้ว, จรรยา สันตยากร, ปกรณ์ ประจัญบาน และ วรรณภิระ, ว. (2554). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของข้าราชการที่มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 5(3), 17-28.
ปาณบดี เอกะจัมปกะ และ นิธิศ วัฒนมะโน. (2552). พฤติกรรมบริโภคอาหารของประชาชนไทยในยุคโลกาภิวัฒน์. สถานการณ์สุขภาพไทย, 3(2), 1-32.
ปิยมิตร ศรีธรา. (2549). ปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด. วารสารโรคหัวใจ, 19(1), 86-87.
ปิยาภรณ์ นิกข์นิภา. (2549). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของเจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
พานทิพย์ แสงประเสริฐ และ จารุวรรณ วิโรจน์. (2558). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชนกึ่งเมืองกึ่งชนบทแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑลกรุงเทพมหานคร. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 23(1), 113-126.
มงคล การุณงามพรรณ, สุดารัตน์ สุวารี และ นันทนา น้ำฝน. (2555). พฤติกรรมสุขภาพและภาวะสุขภาพของคนทำงานในสถานประกอบการเขตเมืองใหญ่: กรณีศึกษาพื้นที่เขตสาทร กรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 32(3), 51-66.
ยงยุทธ ขจรธรรม. (2547). นโยบายในการควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของโลก. กรุงเทพ: มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ.
ยุวดี ฤาชา. (2549). สมรรถนะของพยาบาลด้านการสร้างเสริมสุขภาพ. กรุงเทพฯ: ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี.
ยุวดี วิทยพันธ์, สมศักดิ์ วสุวิทิตกุล และ ศิริพร สมบูรณ์. (2555). ปัจจัยส่วนบุคคล ภาวะสุขภาพ และพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากรศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 26(3), 16-30.
ระเริง ฤทธิเดช. (2558). การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยแบบประเมิน Rama-EGAT heart score ในบุคลากรโรงพยาบาลสงขลา. วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด, 27(1), 14-27.
ราชบัณฑิตยสถาน. (Ed.) (2546). กรุงเทพมหานคร: นานมีบุ๊คส์.
วราภรณ์ ภูมิสวัสดิ์. (2546). แนวทางเวชปฏิบัติเพื่อรักษาผู้ติดบุหรี่: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
วิไลพร หอมทอง. (2547). พฤติกรรมสุขภาพของผู้ที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจที่กลับเข้ารับการรักษาซ้ำในโรงพยาบาลนครพิงค์. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
วิชัย เอกพลากร. (2559). รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
วิศาล คันธารัตนกุล. (2546). การออกกำลังกายในวัยทำงาน. นนทบุรี: กองออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.
วีระพล จันทร์ดียิ่ง. (2560). แอลกอฮอล์. Retrieved 10 ตุลาคม, 2560, from https://www.clm.up.ac.th/pdf/article/Alcohol%20WA.pdf.
ศรินรัตน์ ศรีประสงค์. (2552). การพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: เอ็นพีเพลส.
ศรีเพ็ญ สวัสดิมงคล. (2553). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของบุคลากรกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ศรีเรือน แก้วกังวาล. (2545). จิตวิทยาพัฒนาการชีวิตทุกช่วงวัย วัยรุ่น-วัยสูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ศรีธรรม ธนะภูมิ. (2535). พัฒนาการทางอารมณ์และบุคลิกภาพ: คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
ศิริพร ปาระมะ. (2549). พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจของผู้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาลลี้ จังหวัดลำพูน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร มหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ศูนย์เตือนภัยสุขภาพกรุงเทพมหานคร. (2558). รายงานเบื้องต้นข้อมูลด้านสุขภาพคนกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: บริษัท ไอ ปริ้นติ้ง คัลเลอร์ (ประเทศไทย) จํากัด.
ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา. (2551). รายงานสถานการณ์สุรา ประจำปี พ.ศ. 2551: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.
สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์. (2558). Cardiovascular diesease prevention and cardiac rehabilitation : Update. คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหวิทยาลัย กรุงเทพฯ: ภาควิชาอายุรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหวิทยาลัย.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2553). แนวปฏิบัติการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2558). ข้อมูลมรณบัตร. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2559). รายงานประจำปี 2559. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์.
สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2550). โรคหัวใจขาดเลือดในผู้สูบบุหรี่.Retrieved 15 ตุลาคม,2560, from https://203.172.130.98/nfe_webkm/report_pdf.php?enc_id=1957.
สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2559). สรุปสถานการณ์เฝ้าระวังเพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบ ของประเทศ พ.ศ.2559. กรุงเทพมหานคร: เจริญดีมั่นคงการพิมพ์.
สำนักงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2553). แนวปฏิบัติการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด . กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
สำนักงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2555). แนวทางการประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด. สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคระห์ทหารผ่านศึก กรุงเทพฯ: สำนักโรคไม่ติดต่อ.
สำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย. (2552). รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ.2551-2552. กรุงเทพฯ: บริษัท เดอะ กราฟิโก ซิสเต็มส์ จำกัด.
สำนักนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2557). สรุปรายงานการป่วย. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2557). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.
สุกิจ แย้มวงษ์. (2548). การพัฒนาแบบประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด: เครือข่ายวิจัยสุขภาพ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ.
สุจิตรา เหมวิเชียร. (2549). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดของสตรีไทยมุสลิมวัยหมดประจำเดือน. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
สุชีรา ภัทรายุตวรรตน์. (2543). การพัฒนาแบบวัดความเครียดในคนไทย. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 45(3), 237-250.
สุทัสสา ทิจะยัง. (2553). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต), มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
สุธิสา ล่ามช้าง, รัตนาวดี ชอนตะวัน, ฐิติมา สุขเลิศตระกูล และ วิภาดา คุณาวิกติกุล. (2550). ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของอาจารย์ กลุ่มคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 37(2), 86-99.
สุปราณี เสนาดิชัย. (2553). การปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง: บูรณาการสู่การปฏิบัติ. นนทบุรี: จุดทอง.
สุภา อินทร. (2546). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรรกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของผู้ใหญ่วัยกลางคน ในจังหวัดนครสวรรค์. (ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑืต), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรางค์ จันทร์เอม. (2527). จิตวิทยาพัฒนาการ. กรุงเทพมหานคร: อักษรบัณฑิต.
สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล, วนิดา พุ่มไพศาลชัย และ พิมพ์มาศ ตาปัญญา. (2540). การสร้างแบบวัดความเครียดสวนปรุง. วารสารสวนปรุง, 13(3), 1-20.
สุวัฒน์ วัฒนวงศ์. (2538). จิตวิทยาการเรียนรู้วัยผู้ใหญ่. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์.
อภิชาต สุคนธสรรพ์. (2553). Coronary Artery Disease: The New Frontiers. เชียงใหม่: ทริค ธิงค์.
อัมพร โอตระกูล. (2541). สุขภาพจิต. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ดี.
อารีวรรณ กลั่นกลิ่น, อรอนงค์ วิชัยคำ, วิภาดา คุณาวิกติกุล และ วิไลพรรณ ใจวิไล. (2558). บทบาทพยาบาลวิชาชีพในการพัฒนานวัตกรรมการสร้างเสริมสุขภาพภาคเหนือ. พยาบาลสาร, 42, 178-186.
อุไร ศรีแก้ว. (2543). การพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ: การดูแลอย่างต่อเนื่อง. สงขลา: บริษัทลิมบราเดอร์การพิมพ์ จำกัด.
AHA/ACC. (2014). Reprint: 2013 AHA/ACC Guideline on Lifestyle Management to Reduce Cardiovascular Risk. J Am Pharm Assoc (2003), 54(1), e2.
Ali, N. S. (2002). Prediction of coronary heart disease preventive behaviors in women: a test of the health belief model. Women Health, 35(1), 83-96.
American Heart Association. (2015). American Heart Association recommendation for physical activity in adult. Retrieved October 15, 2017, from https://www.heart.org/HEARTORG/HealthyLiving/PhysicalActivity/FitnessBasics/American-Heart-Association-Recommendations-for-Physical-Activity-in-Adults_UCM_307976_Article.jsp#.WgJpgVuCzIU.
American Heart Association and American Stroke Association. (2017). Statistical Fact Sheet 2017 Update. Retrieved 10 October, 2560, from https://www.heart.org/idc/groups/ahamah-public/@wcm/@sop/@smd/ documents/downloadable/ucm_495089.pdf.
Andrus, B., & Lacaille, D. (2014). 2013 ACC/AHA guideline on the assessment of cardiovascular risk. J Am Coll Cardiol, 63(25), 2886.
Becker, M. H. (1974). The health belief model and personal health behavior. NewJersey: Slack.
Chamberlain, J. J., Rhinehart, A. S., Shaefer, C. F., Jr., & Neuman, A. (2016). Diagnosis and Management of Diabetes: Synopsis of the 2016 American Diabetes Association Standards of Medical Care in Diabetes. Ann Intern Med, 164(8), 542-552.
Chobanian, A. V., Bakris, G. L., Black, H. R., Cushman, W. C., Green, L. A., Izzo, J. L., Jr., . . . National High Blood Pressure Education Program Coordinating, C. (2003). Seventh report of the Joint National Committee on Prevention, Detection, Evaluation, and Treatment of High Blood Pressure. Hypertension, 42(6), 1206-1252.
DeVellis, R. F. (2003). Scale Development : Theory and Application 2nd edition. Sage Publication, Inc.
Devies, M., & Mehra, S. (2013). Communication Based Rehabilitation องค์กรอนามัยโลกฉบับภาษาไทย: พรีเมี่ยมเอ็กซ์เพลส.
Elkashouty, E. (2012). Preventive Behavior for Coronary Artery Disease Among Middle Eastern Immigrants. (DOCTOR OF PHILOSOPHY), THE UNIVERSITY OF ARIZONA. Heart Foundation. (2012). Reducing risk in heart disease An expert guide to clinical practice for secondary prevention of coronary heart disease: National Heart Foundation of Australia.
Heart Foundation. (2012). Reducing risk in heart disease An expert guide to clinical practice for secondary prevention of coronary heart disease: National Heart Foundation of Australia.
JNC VIII. (2014). 2014 Evidence-Based Guideline for the Managementof High Blood Pressure in AdultsReport From the Panel Members Appointedto the Eighth Joint National Committee (JNC 8): The American Association.
Kang, Y., Yang, I. S., & Kim, N. (2010). Correlates of health behaviors in patients with coronary artery disease. Asian Nurs Res (Korean Soc Nurs Sci), 4(1), 45-55.
Lazarus, R. S., & Folkman, S. (1984). Stress, appraisal, and coping. New York: Springer Publishing Company.
Levinson, D. J. (1986). A conception of adult development. American Psychologist, 41(1), 3-13.
McClendon, D. (2011). Perceived Susceptibility of Cardiovascular Disease as a Moderator Of Relationships between Perceived Severity and Cardiovascular Health Promoting Behaviors among Female Registered Nurses. (Nursing Dissertations), Georgia State University.
Miller, B. E., & Keane, C. B. (1972). Encyclopedia and Dictionary of Medicine and Nursing. Philadephia WB Saunders.
Mozaffarian, D., Benjamin, E. J., Go, A. S., Arnett, D. K., Blaha, M. J., Cushman, M., . . . Stroke Statistics, S. (2016). Heart Disease and Stroke Statistics-2016 Update: A Report From the American Heart Association. Circulation, 133(4), e38-360.
National Cholesterol Education Program. (2001). Third Report of the National Cholesterol Education Program (NCEP) Expert Panel on Detection, Evaluation, and Treatment of High Blood Cholesterol in Adults (Adult Treatment Panel III) NATIONAL INSTITUTES OF HEALTH, NATIONAL HEART, LUNG, AND BLOOD INSTITUTE.
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2004). Nursing Research principles and methods 7th edition. Newyork: Lippincott Williams and Wilkins.
Rimm, E. B., Williams, P., Fosher, K., Criqui, M., & Stampfer, M. J. (1999). Moderate alcohol intake and lower risk of coronary heart disease: meta-analysis of effects on lipids and haemostatic factors. BMJ, 319(7224), 1523-1528.
Robinson, J. G. (2014). 2013 ACC/AHA cholesterol guideline for reducing cardiovascular risk: what is so controversial? Curr Atheroscler Rep, 16(6), 413.
Selye, H. (1984). The stress of life. New York: McGraw-Hill book company.
Thanavaro, J. L., Moore, S. M., Anthony, M., Narsavage, G., & Delicath, T. (2006). Predictors of health promotion behavior in women without prior history of coronary heart disease. Appl Nurs Res, 19(3), 149-155. doi: 10.1016/j.apnr.2005.07.006
Thomas, G. N., Ho, S. Y., Janus, E. D., Lam, K. S., Hedley, A. J., Lam, T. H., & Hong Kong Cardiovascular Risk Factor Prevalence Study Steering, C. (2005). The US National Cholesterol Education Programme Adult Treatment Panel III (NCEP ATP III) prevalence of the metabolic syndrome in a Chinese population. Diabetes Res Clin Pract, 67(3), 251-257.
Weston, N. M. (2008). IDENTIFYING PERCEPTIONS OF HEALTH PROMOTION BARRIERS AND BENEFITS IN INDIVIDUALS AT RISK FOR CORONARY HEART DISEASE. (Master of Science in Nursing), MONTANA STATE UNIVERSITY.
W. H. O. Expert Consultation. (2004). Appropriate body-mass index for Asian populations and its implications for policy and intervention strategies. Lancet, 363(9403), 157-163. doi: 10.1016/S0140-6736(03)15268-3
WHO. (1999). Obesity; Preventing and managing the global epidemic. Geneva Switzerland: WHO library cataguing-in-publication.
WHO. (2007). Prevention of Cardiovascular Disease Guidelines for assessment and management of cardiovascular risk: World Health Organization.
WHO. (2014). GLOBAL STATUS REPORT on noncommunicable diseases 2014. Geneva Switzerland: WHO library cataguing-in-publication.
WHO. (2015). The Atlas of Heart Disease and Stroke. Retrieved 20 october, 2016, from https://www.who.int/cardiovascular_diseases/resources/atlas/en/.
WHO. (2016). WORLD HEALTH STATISTICS 2016: World Health Organization
World Heart Federation. (2012). Cardiovascular diesease; Modified risk factor. Retrieved 20 October, 2016, from World-heart-federation.org.