ผลของการส่งเสริมแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อการป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกิด หอผู้ป่วยวิกฤตกุมารเวชกรรมและทารกแรกคลอด โรงพยาบาลน่าน
คำสำคัญ:
แนวปฏิบัติการพยาบาล, ปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ, ทารกแรกเกิด, หอผู้ป่วยวิกฤตกุมารเวชกรรมและทารกแรกคลอด , การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อการป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจต่อระดับความรู้และการปฏิบัติของพยาบาลวิชาชีพ และอุบัติการณ์ในการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกิดในหอผู้ป่วยวิกฤติกุมารเวชกรรมและทารกแรกคลอด โรงพยาบาลน่าน การศึกษาแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน คือ ขั้นวางแผน ขั้นลงมือปฏิบัติ ขั้นสังเกต และขั้นสะท้อนผลการปฏิบัติ กลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพ จำนวน 13 ราย และทารกแรกเกิด 70 ราย รวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัย ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการศึกษา และ เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ทีอิสระ และไคสแควร์
ผลการวิจัยพบว่า ภายหลังการใช้แนวปฏิบัติของพยาบาลวิชาชีพเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ ค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ของพยาบาลวิชาชีพเกี่ยวกับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ สูงกว่าก่อนการใช้แนวปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=7.104, p<.001) พยาบาลวิชาชีพมีการปฏิบัติที่ถูกต้องในภาพรวม สูงกว่าก่อนการส่งเสริมแนวปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (X2=251.682, p<.001) และอุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกิด ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (X2=3.231, p=.036) จากก่อนการส่งเสริมแนวปฏิบัติ 11.24 ครั้ง ต่อ 1,000 วันที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ลดลงเหลือ 3.46 ครั้ง ต่อ 1,000 วันที่ใส่ท่อช่วยหายใจ
ดังนั้นการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกิด ทำให้พยาบาลวิชาชีพมีความรู้และการปฏิบัติที่ถูกต้องมากขึ้น และสามารถลดอุบัติการณ์การเกิดปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกิดได้
เอกสารอ้างอิง
Centers for Disease Control and Prevention. Pneumonia (Ventilator-associated [VAP] and non-ventilator-associated Pneumonia [PNEU]) Event [Internet]. 2024 [cited 2024 Jul 2]. Available from: https://www.cdc.gov/nhsn/pdfs/pscmanual/6pscvapcurrent.pdf
Lim KL, Kuo KS, Ko KW, Sheng SW, Chang CY, Hong HM, Chang CS. Efficacy of ventilator-associated pneumonia care bundle for prevention of ventilator-associated pneumonia in the surgical intensive care units of a medical center. 2015;48(3):316-21.
Rangelova V, Kevorkyan A, Raycheva R, Krasteva M. Ventilator-associated pneumonia in the neonatal intensive care unit—incidence and strategies for prevention. Diagnostics (Basel). 2024;14(3):240.
Bonell A, Azarrafiy R, Huong VTL, Viet TL, Phu VD, Dat VQ, et al. A systematic review and meta-analysis of ventilator-associated pneumonia in adults in Asia: an analysis of national income level on incidence and etiology. Clin Infect Dis. 2019;68(3):511-8.
กลุ่มงานควบคมและป้องกันการติดเชื้อ โรงพยาบาลน่าน. สรุปรายงานสถิติประจำปี 2564-2566. น่าน: โรงพยาบาลน่าน; 2566.
Mathai AS, Elamurugan E, Viswanathan P, Sarkar R, Jayakumar N. Incidence and attributable costs of ventilator-associated pneumonia (VAP) in a tertiary-level intensive care unit (ICU) in northern India. J Infect Public Health. 2015;8(2):127-35.
ศศิพรรณ จองวัฒนากิจ. ผลของการใช้แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจในทารกแรกเกิด หอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดและเด็ก โรงพยาบาลลำพูน. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์. 2567;39(1):13-23.
Li Y, Liu C, Xiao W, Song T, Wang S. Incidence, risk factors, and outcomes of ventilator-associated pneumonia in traumatic brain injury: a meta-analysis. Neurocrit Care. 2020;32(1):272-85.
Pawlik J, Tomaszek L, Mazurek H, Mędrzycka-Dąbrowska W. Risk factors and protective factors against ventilator-associated pneumonia – a single-center mixed prospective and retrospective cohort study. J Pers Med. 2022;12(4):597.
ศิวพร ละม้ายนิล. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างศักยภาพนักวิจัยชุมชน อำเภอปากพลีจังหวัดนครนายก [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 20 พ.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก : http://irithesis.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/287/1/gs571150059.pdf
อรรถยา อมรพรหมภักดี. การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศการพยาบาลปฐมภูมิ ที่ส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของพยาบาลที่ปฏิบัติงานในสถานบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ. [อินเทอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 20 พ.ค. 2568]. เข้าถึงได้จาก : http://ir-thesis.swu.ac.th/dspace/bitstream/123456789/722/1/gs571150053.pdf
Kemmis S, McTaggart R. Communicative action and the public sphere. In: Strategies of qualitative inquiry. 3rd ed. Thousand Oaks: SAGE; 2007.
Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample size for research activities. Educ Psychol Meas. 1970;30(3):607–10.
บุญชม ศรีสะอาด. วิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัย 1. พิมพ์ครั้งที่ 5 ปรับปรุงใหม่ทั้งฉบับ. กรุงเทพฯ: สุวีริทาสาส์น; 2556.
นุจรี อ่อนสีน้อย. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันความดันโลหิตสูงในกลุ่มประชาชนที่มีภาวะก่อนเป็นโรคความดันโลหิตสูง. [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [เข้าถึงเมื่อ 12 เม.ย. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/11580
ดวงมาลย์ คําหม่อม. ผลของการส่งเสริมการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันปอดอักเสบในผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม โรงพยาบาลแพร่. วารสารโรงพยาบาลแพร่. 2565;30(1):15-31.
Shivananda PM, Yashoda S. Effectiveness of an educational intervention on knowledge and practice of staff nurses on prevention of ventilator associated pneumonia (VAP) among neonates in NICU. Int J Caring Sci. 2021;14(1):8.
วีนา วงษ์งาม, กนกพร สุคำวัง และภารดี นานาศิลป์. ผลของการพยาบาลแบบสนับสนุนและให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่มีกระดูกสะโพกหักระยะพักฟื้น. พยาบาลสาร. 2557;41:72-82.
Green LW, Kreuter MW. Health program planning: an educational and ecological approach. 4th ed. New York: McGraw-Hill; 2005.
El-Sayed SAES, Khalil AA, Elkazaz R. Effect of an educational program for nurses about prevention of ventilator associated pneumonia in neonatal intensive care units. Port Said Sci J Nurs. 2023;10(3):236-62.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ
เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมพยาบาลฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนบทความต้องศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดทำต้นฉบับตามที่วารสารกำหนด และเนื้อหาส่วนภาษาอังกฤษต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าของภาษามาแล้ว