กระบวนการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นมารดาของสตรีไทยตั้งครรภ์เสี่ยงสูง ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสบการณ์การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่กระบวนการเป็นมารดาของสตรีตั้งครรภ์เสี่ยงสูงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยด้วยทฤษฎีรากฐาน ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 21 คน ที่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่งในเขตภาคเหนือของประเทศไทย
ผลการวิจัยพบว่า “ความปรารถนาให้บุตรแข็งแรงและรอดชีวิต” เป็นแนวคิดหลักของกระบวนการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเป็นมารดาของสตรีตั้งครรภ์เสี่ยงสูงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยสตรีมีกระบวนการเปลี่ยนผ่านในกระบวนการนี้ 3 ระยะ ได้แก่ ระยะถูกคุกคามด้วยการตั้งครรภ์เสี่ยงสูงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ระยะประคับประคองเพื่อให้ทารกรอดชีวิต และระยะเผชิญกับผลลัพธ์ที่อาจไม่แน่นอน ซึ่งสตรีตั้งครรภ์เสี่ยงสูงใช้กลวิธีในการจัดการกับความห่วงกังวลและความต้องการของตนเองที่หลากหลายตามหมวดหมู่ย่อยของแต่ละระยะ
ผลการศึกษาครั้งนี้เพิ่มเติมความรู้ใหม่เกี่ยวกับการเป็นมารดาในสตรีไทยตั้งครรภ์เสี่ยงสูง ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความห่วงกังวลและความต้องการขณะตั้งครรภ์เสี่ยงสูง และกลวิธีที่ใช้ในการจัดการความห่วงกังวลและความต้องการของตนเอง ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านี้จะสามารถทำให้พยาบาลผดุงครรภ์ และผู้ให้การดูแลด้านสุขภาพให้การช่วยเหลือและดูแลสตรีตั้งครรภ์เสี่ยงสูงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้อย่างเหมาะสมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรรณิการ์ กันธะรักษา. ประสบการณ์เปลี่ยนผ่านของสตรีไทยในการตั้งครรภ์ครั้งแรก. วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่;2544.
Borrogerdi, T.N. Effects of hospitalization and bedrest on high-risk pregnant women and their families. Doctoral Dissertation. New York: Binghamton University;2016.
Marchesi, C., Ossola, P., Amerio, A., Daniel, B.D., Tonna, M. & De Panfilis, D. Clinical management of perinatal anxiety disorder: A systematic review. J Affect Disord 2016; 190:543-550. http://dx.doi.org/10.1016/j.jad.2015.11.004
Amphai, S. Transition to motherhood of Thai women with high-risk pregnancy. Doctoral Dissertation. Chiang Mai: Chiang Mai University;2018.
Blumer, H. Symbolic interactionism. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall;1969.
Glazer, B.G. Basic of grounded theory analysis. Mill Valley, CA: Sociology Press;1992.
Glazer, B.G., Strauss A.L. The discovery of grounded theory. Chicago, IL: Aldine;1967.
Guba, E.G. & Lincon Y.S. The Sage handbook of qualitative research. (3rd ed). Thousand Oaks: Sage;2005.
Glazer, B.G. Theoretical sensitivity. Mill Valley, CA: Sociology Press;1978.
Lederman, R.P., Boyd, E., Pitts, K., Roberts-Gray, C., Hutchinson, M. & Blackwell, S. Maternal development experiences of women hospitalized to prevent preterm birth. Sex Reprod Healthc 2013;4:133-38. http://dx.doi.org/10.1016/j.srhc.2013.10.004.
เบญจมาภรณ์ นาคามดี อัญชลี รุ่งฉาย เพ็ญนภา ดำมินเศก และนุโรม จุ้ยพ่วง. การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ของมารดาวัยรุ่น: บทบาทพยาบาลในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ 2563;26(2);90-103. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnorthnurse/article/view/241657/167513
Tanasirijiranont, R., Kantaruksa, K., Sansiriphun N. & Jordan, P.L. A grounded theory of becoming a first-time father due to a high-risk pregnancy. PRIJNR 2019;23(2):118-30.
บุญมี ภูด่านงัว เกื้อพันธ์ กลั่นการดี และรำไพ เกตุจิระโชติ. ประสบการณ์การนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลของมารดาหลังคลอดด้วยภาวะเลือดออกก่อนคลอดจากรกเกาะต่ำ: การวิจัยเชิงคุณภาพ. วารสารสภาการพยาบาล 2558;30(3):80-97.
กัญญาพัชญ์ จาอ้าย จีระภา บุษยาวรรณ และภัสธารีย์ นินเจริญวงษ์. ผลของโปรแกรมการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมต่อความรู้และพฤติกรรมการนับลูกดิ้นของหญิงตั้งครรภ์ชาวไทใหญ่ โรงพยาบาลหางดง จังหวัดเชียงใหม่. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ 2560;23(1):32-42. https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnorthnurse/article/view/195686.
Nakamura, Y. Nursing intervention to enhance acceptance of pregnancy in first‐time mothers: Focusing on the comfortable experiences of pregnant women. Jpn J Nurs Sci 2010;7:29–36. doi.org/10.1111/j.1742-7924.2010.00134.x.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ
เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมพยาบาลฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนบทความต้องศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดทำต้นฉบับตามที่วารสารกำหนด และเนื้อหาส่วนภาษาอังกฤษต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าของภาษามาแล้ว