การบริหารความเสี่ยงในคลินิกเพื่อความปลอดภัยของมารดาในระยะคลอด

ผู้แต่ง

  • พนิดา รัตนพรหม วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี
  • ดวงหทัย ศรีสุจริต วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานี
  • สิริวรรณ ธัญญผล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี แพร่

คำสำคัญ:

การบริหารความเสี่ยง, ความปลอดภัยของผู้ป่วย, การดูแลในระยะคลอด

บทคัดย่อ

ความปลอดภัยในการดูแลสุขภาพมารดา ที่เข้ารับบริการการคลอดในโรงพยาบาล ถือเป็น เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศไทย อย่างไรก็ตามเหตุการณ์การฟ้องร้อง ทางการแพทย์ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบคดีที่เกี่ยวข้องกับการคลอด จำนวน 69 คดี เป็นการ ฟ้องร้องในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 41 คดี โรงพยาบาลชุมชน 28 คดี ซึ่งรายงานการดำเนิน คดีบุคลากรทางการแพทย์พบว่ามีสาเหตุจากการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การทอดทิ้งผู้ป่วย หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงการขาดมาตรฐานของการให้บริการพยาบาล ซึ่งการทบทวนวรรณกรรมในประเด็นปัญหาที่นำไปสู่การฟ้องร้องทางการแพทย์เกี่ยวกับความผิดพลาด ในการดูแลมารดาทารกในระยะคลอด ระบุประเด็นความผิดพลาดในเรื่อง การประเมินและการแปล ผลการตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ การช่วยคลอดติดไหล่ การขาดบุคลากรและเครื่องมือใน การช่วยฟื้นคืนชีพ การให้ข้อวินิจฉัยที่ผิดพลาด การให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกเพื่อช่วยคลอด ทางช่องคลอดในมารดาที่มีประวัติผ่าตัดคลอด การขาดการนัดตรวจหรือนัดตรวจทางห้องปฏิบัติการ ล่าช้า การเย็บซ่อมแซมแผลฝีเย็บไม่เหมาะสมและการหายของแผลฝีเย็บล่าช้า เป็นต้น ดังนั้นกระทรวง สาธารณสุข จึงได้ประกาศให้ Patient safety เป็นหลักปฏิบัติพื้นฐานของการดูแลทางสุขภาพ เพื่อ การลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภัยหรืออันตรายที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากการบริการสุขภาพให้เกิดขึ้นน้อย ที่สุดเท่าที่สามารถยอมรับได้ โดยการใช้กระบวนการบริหารความเสี่ยงซึ่งเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญ โดยอาศัยความร่วมมือของบุคลากรทุกระดับในการพัฒนาจัดทำแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยแก่ มารดาในระยะคลอดในหน่วยงานของตนเอง ตั้งแต่ขั้นตอนการค้นหาความเสี่ยง การวิเคราะห์และ ประเมินความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยง และการเฝ้าระวังความเสี่ยง เพื่อสร้างมาตรฐานความ ปลอดภัยให้แก่มารดาและทารก

เอกสารอ้างอิง

 WHO, UNICEF, UNFPA, World Bank Group and the United Nations Population Division. Trends in maternal mortality: 2000 to 2017. 2019. Geneva: World Health Organization. 

กองยุทธศาสตร์และแผนงานสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. ใน: แผนยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุขระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564). 2559. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข. 

กลุ่มกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. ชี้แนวโน้มการฟ้องร้องทางการแพทย์สูงขึ้นเรื่อยๆ. Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ [ออนไลน์]. 2562. [เข้าถึงเมื่อ 2562/9/24] เข้าถึงได้จาก file: https:// www.hfocus.org/content/2019/01/16725

อำนาจ กุสลานันท. แพทย์กับการฟ้องร้องในปัจจุบัน. หมายเหตุแพทย์สภา. 2561; 5 (4).

บุษบา จันดาทอง. ประสบการณ์การถูกร้องเรียนพฤติกรรมบริการของพยาบาลวิชาชีพ. 2554. วิทยานิพนธ์ในหลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 

Angelini, D. J., & Greenwald, L. Closed Claims Analysis of 65 Medical Malpractice Cases Involving Nurse-Midwives. [Research]. Journal of Midwifery & Women’s Health. 2005; 50(6): 454-460.

วิรุจน์ คุณกิตติ, นิภา นุศรีอัน. ความคิดเห็นของแพทย์และพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยความเสี่ยงของ การร้องเรียน : ศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศไทย. ศรีนครินทร์เวชสาร. 2559; 31(4): 231-236.

รัศมี ตันศิริสิทธิกุล, นิลรัตน์ วรรณศิลป์, เกษร เทพแปง, ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ, & ชนภัทร วินยวัฒน์. รายงานการทบทวนองค์ความรู้ เรื่อง การพัฒนาระบบเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย (Patient Safety). นนทบุรี: สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ (สวสส) [ออนไลน์]. 2555. [เข้าถึงเมื่อ 2559/8/20]. เข้าถึงได้จาก: http://www.shi.or.th/upload/Download%20File/%E0%B8%A8%E0%B8%B 8%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0 %B8%99%E0%B8%B2%2056/FridaySem57/%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%97%E 0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8 %84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%20 Patient%20S%20afety.doc

WHO. WHO Safe Childbirth Checklist Implementation Guide: Improving the quality of facility-based delivery for mothers and newborns. 2015. Geneva: WHO Library Cataloguing-in-Publication Data.

Holmström, A.-R., Laaksonen, R., & Airaksinen, M. How to make medication error reporting systems work – Factors associated with their successful development and implementation. Health Policy. 2015; 119(8): 1046-1054. 

คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2565). สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข [ออนไลน]์ . 2559. [เข้าถึงเมื่อ 2562/9/22] เข้าถึงจาก: http://wops.moph.go.th/ops/oic/data/20161115144754_1_.pdf 2559.

สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน). เป้าหมายความปลอดภัยของผู้ป่วยของ ประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: เฟมัส แอนด์ ซันเซลฟูล; 2061.

สภาการพยาบาล. ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง มาตรฐานการพยาบาล [ออนไลน์]. 2562. [เข้าถึง เมื่อ 2562/11/10]. เข้าถึงจาก: https://www.tnmc.or.th/news/15

Pettker, C. M., Thung, S. F., Lipkind, H. S., Illuzzi, J. L., Buhimschi, C. S., Raab, C. A., et al. A comprehensive obstetric patient safety program reduces liability claims and payments. American Journal of Obstetrics and Gynecology. 2014; 211(4): 319-325.

กระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์. แนวทางการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร (Enterprise Risk Management: ERM) สำหรับ โรงพยาบาล สถาบัน สังกัดกรมการแพทย์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 [ออนไลน์]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 2562/9/23]. เข้าถึงจาก: http://www.dms.moph.go.th/dm splanv_2/publish/publish15062018110632.pdf

Royal Collage of Obstetricians and Gynecologists. Improving Patient Safety: Risk Man agement for Maternity and Gynaecology (Clinical Governance Advice No. 2) [Online]. 2009. [Available 2019/10/22]. From: https://www.rcog.org.uk/en/guidelines-researchservices/ guidelines/clinical-governance-advice-2/

The National Coordinating Council for The National Coordinating Council for Medication Error Reporting and Prevention. NCC MERP Index for Categorizing Medication Errors [online]. 2001. [Available 2019/10/22]. From: https://www.nccmerp. org/sites/default/files/index BW2001-06-12.pdf

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-12-01

รูปแบบการอ้างอิง

รัตนพรหม พ., ศรีสุจริต ด., & ธัญญผล ส. (2019). การบริหารความเสี่ยงในคลินิกเพื่อความปลอดภัยของมารดาในระยะคลอด. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ, 25(2), 88–99. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnorthnurse/article/view/233291

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย