การศึกษาโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Antibiotics Smart Use, ASU) โรงพยาบาลแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล, ยาปฏิชีวนะ, โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน, โรคท้องร่วงเฉียบพลัน, แผลฉีกขาดบทคัดย่อ
โรงพยาบาลแม่ออน ได้เริ่มโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (Antibiotic Smart Use, ASU) ในปี พ.ศ.2554 เพื่อลดมูลค่าการใช้ยาปฏิชีวนะ และลดการสั่งใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จาเป็น ใน 3 โรคเป้าหมาย คือ โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน โรคท้องร่วงเฉียบพลัน และแผลฉีกขาด เพื่อประเมินผลการดาเนินงาน จึงได้ทาการศึกษาเชิงพรรณนา เพื่อทบทวนอัตราการใช้ยาปฏิชีวนะและค่าใช้จ่ายในกลุ่มผู้ป่วยนอกใน 3 โรคเป้าหมายที่มารับบริการที่โรงพยาบาลแม่ออนระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2554 ถึง 30 กันยายน 2557 เปรียบเทียบข้อมูลกับการใช้ยาปฏิชีวนะในช่วงเวลาก่อนเริ่มโครงการ คือ 1 ตุลาคม 2553 ถึง 30 กันยายน 2554 รวมถึงการประเมินผลการรักษาและความพึงพอใจของผู้ป่วยที่มารับบริการใน 3 กลุ่มโรคดังกล่าว สถิติที่ใช้คือร้อยละ ผล พบว่า อัตราของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาปฏิชีวนะมีค่าเพิ่มขึ้น จากร้อยละ 39.03 ในปี 2554 เป็นร้อยละ43.22 ในปี 2555 ร้อยละ 48.70 ในปี 2556 และร้อยละ 64.18 ในปี 2557 ตามลาดับ (P<0.001) เมื่อจาแนกเป็นรายโรค พบว่าร้อยละของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาปฏิชีวนะเพิ่มสูงขึ้นในทั้งสามโรคเป้าหมาย โดยแผลฉีกขาดมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปี2554เพิ่มสูงที่สุด คือร้อยละ 15.63 ร้อยละ 71.45 และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 105.33 ในปี 2557 ส่วนโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบนมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.84 ร้อยละ 23.42 และร้อยละ 61.86 ตามลาดับ และโรคท้องร่วงเฉียบพลันมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.75 ร้อยละ 15.23 และร้อยละ 58.56 ในปี พ.ศ.2555, 2556 และ 2557 ตามลาดับ การศึกษาด้านมูลค่าการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน พบว่ามีมูลค่าการใช้ลดลงจากระยะก่อนเริ่มโครงการคิดเป็นร้อยละ 15 ร้อยละ 26 และร้อยละ 30 ในปี พ.ศ.2555,2556 และ 2557 ตามลำดับ การสัมภาษณ์ผู้ป่วยเพื่อประเมินด้านผลการรักษา พบว่า ผู้ป่วยร้อยละ 97 มีอาการหายดีเป็นปกติหรือดีขึ้น มีเพียงร้อยละ 3 ที่รู้สึกว่าอาการแย่ลง ส่วนความพึงพอใจต่อการรักษาที่ได้รับนั้น ผู้ป่วยมากกว่าร้อยละ 85 มีความพึงพอใจ จากการศึกษา แสดงให้เห็นว่าโครงการส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านยา ผู้ป่วยมีผลการรักษาที่ดีขึ้น และผู้ป่วยส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการรักษา ซึ่งหากมีการดาเนินการอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมทุกสถานบริการจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม
เอกสารอ้างอิง
2. ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. สรุปรายงานไม่พึงประสงค์จาก
การใช้ยา ประจ าปี 2550. นนทบุรี. สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์ ; 2552.
3. โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์, ลือชัย ศรีเงินยวง, วิชิต เปานิล. ยากับชุมชน : มิติทางสังคมวัฒนธรรม. นนทบุรี : สำนักวิจัย
สังคมและสุขภาพ ; 2550.
4. Aswapokee N, Vaithayapichet S, Heller R. Patten of antibiotic use in medical wards of a university hospital, Bangkok, Thailand. Review of Infectious Diseases. 1990 ; 12 : 136-141.
5. Apisarnthanarak A, Danchaivijitr S, khawcharoenporn T, et al. Effectiveness of education and an antibiotic – control program in a tertiary care hospital in Thailand. Clinical Infections Diseases. 2006 ; 42 : 768-775.
6. นิธิมา สุ่มประดิษฐ์, กัญญดา อนุวงศ์, พิสนธิ์จงตระกูล, เขมวดีขนาบแก้ว, สมหญิง พุ่มทอง. ผลของโครงการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล : การนำร่องที่จังหวัดสระบุรี. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2553 ; 19 : 899-911
7. นโยบายแห่งชาติด้านยาพ.ศ.2554 และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติพ.ศ.2555-2559. http://drug.fda.moph.go.th/NDP/file/8th%20Proof%202.pdf
8. นิธิมา สุ่มประดิษฐ์, วีรวรรณ แตงแก้ว, วินิต อัศวกิจวิรี และคณะ. การศึกษาการขยายโครงการ Antibiotics Smart Use.
http://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/2777?locale-attribute=th
9. นิธิมา สุ่มประดิษฐ์, เสาวลักษณ์ฮุนนางกูร, ภาณุมาศ ภูมาศ, ภูษิต ประคองสาย. การสำรวจระบบการควบคุมและเฝ้าระวังการใช้ยาปฏิชีวนะและการส่งเสริมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล : ผลการศึกษาเบื้องต้น. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข 2555 ; 3 : 361-373.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องบทความในวารสารวิชาการและวิจัยเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลนครพิงค์ และบุคลากรท่านอื่นๆในโรงพยาบาลฯ ความรับผิดชอบเกี่ยวกับบทความแต่ละเรื่องผู้เขียนจะรับผิดชอบของตนเองแต่ละท่าน
