ผลของการเดินแบบนอร์ดิกต่อความดันโลหิต และประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ในผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงในจังหวัดนครนายก

ผู้แต่ง

  • ฐาณมาศ เกษเพ็ชร
  • สุภมาส ขำแสง
  • อริสา โพธิ์ชัยสาร
  • พิมลพร เชาวน์ไวพจน์

คำสำคัญ:

กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง, การเดินแบบนอร์ดิก, ประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเดินแบบนอร์ดิกต่อความดันโลหิต ประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย และชีวิตในผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เป็นรูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจากประชากรกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงในตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก โดยวิธีสุ่มแบบเจาะจง จำนวน 72 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 35 คน และกลุ่มควบคุม 37 คน กำหนดให้เดินแบบนอร์ดิกตามโปรแกรมที่กำหนดไว้เป็นเวลา 8 สัปดาห์ เก็บข้อมูลความดันโลหิต ประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ระดับความเหนื่อย และคุณภาพชีวิต ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมออกกำลังกาย วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน repeated measures ANOVA, student’s paired t-test และ student’s unpaired t-test ผลการศึกษาพบว่าภายหลังได้รับ โปรแกรมการออกกำลังกาย กลุ่มทดลองมีความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว และระดับความเหนื่อยตำกว่ากลุ่ม ควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) กลุ่มทดลองมีประสิทธิภาพในการออกกำลังกายสูงกว่ากลุ่ม ควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.005) และมีระดับคุณภาพชีวิตสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติ (p<0.001) โปรแกรมการออกกำลังกายด้วยการเดินแบบนอร์ดิกเป็นการออกกำลังกายที่สามารถลดระดับ ความดันโลหิต ลดระดับความเหนื่อย เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย และช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในผู้ที่ มีภาวะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เป็นทางเลือกในการออกกำลังกายที่ปฏิบัติได้ง่ายเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในประชากรกลุ่มน

เอกสารอ้างอิง

--

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-08-26

รูปแบบการอ้างอิง

1.
เกษเพ็ชร ฐ, ขำแสง ส, โพธิ์ชัยสาร อ, เชาวน์ไวพจน์ พ. ผลของการเดินแบบนอร์ดิกต่อความดันโลหิต และประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ในผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงในจังหวัดนครนายก. J Med Health Sci [อินเทอร์เน็ต]. 26 สิงหาคม 2019 [อ้างถึง 1 มกราคม 2026];26(2):10-21. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jmhs/article/view/211862

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย