ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, กลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง, โปรแกรม ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ, ประสิทธิผลบทคัดย่อ
โรคความดันโลหิตสูงเป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย ปัจจุบันผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย คือประชากรอายุ 35 – 59 ปี ที่ได้รับการคัดกรองความดันโลหิตสูงและมีค่าระดับความดันโลหิตตัวบน (SBP) ในช่วง 130-139 mmHg และ/หรือค่าระดับความดันโลหิตตัวล่าง (DBP) ในช่วง 80 - 89 mmHg คำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยประชากร 2 กลุ่มที่เป็นอิสระต่อกัน แบ่งการศึกษาเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 46 คน คัดเลือกตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย ด้วยวิธีการจับสลาก เครื่องมือในการวิจัยเป็นโปรแกรมความรอบรู้ด้านสุขภาพ 6 องค์ประกอบ เน้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ใช้เวลาดำเนินการ 10 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน เปรียบเทียบค่าคะแนนเฉลี่ยของความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมภายในกลุ่มเดียวด้วยสถิติ Paired sample t-test และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วย Independent t-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
ผลวิจัยพบว่า หลังการเข้าร่วมโปรแกรมสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรอบรู้ด้านสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ และค่าเฉลี่ยความดันโลหิตดีกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p–value<0.001) และดีกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p–value <0.001) จึงควรส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ เนื่องจากความรอบรู้ด้านสุขภาพมีผลต่อการปฏิบัติตัวของผู้ป่วย อาจจะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Hypertension [Internet]. 2021 [Cited 2023 May16]. Available form: https://www.who.int/health-topics/hypertension#tab=tab_1.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ระบบสารสนเทศสนับสนุนงานส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม อัตราป่วยรายใหม่ของโรคความดันโลหิตสูงต่อแสนประชากร [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 18 พฤษภาคม2566]. เข้าถึงได้จาก: https://dashboard.anamai.moph.go.th/dashboard/ht/index?year=2022
ประเสริฐ วันดี. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อภาวะความดันโลหิตสูงของประชาชนจังหวัดเชียงราย [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 12 กันยายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://cro.moph.go.th/research/download/67_20220517_SUCCESS.pdf
มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. ชีวิตเร่งรีบกับนิสัยของการบริโภคอาหารที่เปลี่ยนไป [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 12 กันยายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.thaiheartfound.org/Article/Detail/140081
วัชราพร เชยสุวรรณ. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ : แนวคิดและการประยุกต์สู่การปฏิบัติการพยาบาล. วารสารแพทย์นาวี 2560; 44(3): 183 - 97.
สำนักงานเขตสุขภาพที่ 9. แผนปฏิบัติราชการ เขตสุขภาพที่ 9 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 18 มิถุนายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://pnnh.moph.go.th/web/images/job/20221207111205.pdf
ไกรสร ประเสริฐสันติสุข. “V – SHAPE” WE SHINE [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 12 กันยายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://shorturl-ddc.moph.go.th/Ohbhz
ปาเจรา โพธิหัง. ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในประเทศไทย: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 2564; 29(3): 115 - 30.
นฤมล โชว์สูงเนิน.การสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนวัยทำงานเพื่อป้องกันโรคความดันโลหิตสูง. วารสารสุขภาพภาคประชาชน 2560; 12(1): 9 – 11.
อรุณ จิรวัฒน์กุล. ชีวสถิติสำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. พิมพครั้งที่ 3. ขอนแก่น:คลังนานาวิทยา; 2551.
อรุณ จิรวัฒน์กุล. สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: ส. เอเชียเพรส (1989); 2558.
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข. การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ฉบับปรับปรุง ปี 2561 [กลุ่มเด็กและเยาวชน และกลุ่มประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป] [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 25 กรกฎาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nkp-hospital.go.th/th/H.ed/mFile/20180627124525.pdf
ชัยณรงค์ บุรัตน์, อรชร สุดตา, สวัสดิ์ งามเถื่อน. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคความดันโลหิตสูงของกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูงบ้านไร่ขี ตำบลไร่ขี อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ [อินเทอร์เน็ต].2563. [เข้าถึงเมื่อ 25 มิถุนายน 2566]. เข้าถึงได้จาก: http://www.amno.moph.go.th/amno_new/files/1p16.pdf
ขนิษฐา สระทองพร้อม, สุทธิศักดิ์ สุริรักษ์. ประสิทธิผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่อพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ในประชากรกลุ่มเสี่ยงเบาหวานและความดันโลหิตสูงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบลบ้านหนองรี. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน 2564; 3(1): 38 - 50.
นัทชญา ตั่นหุ้ย, พิมพ์พา สังข์ทอง, มาวินี เถาะมัน, กิตติพร เนาว์สุวรรณ, นภชา สิงห์วีรธรรม.ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพพฤติกรรมการป้องกันระดับความดันโลหิตในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง. วารสารวิจัยการพยาบาลและการสาธารณสุข 2566; 3(2): 96 - 111.
ศิรินภา วรรณประเสริฐ, สุทธีพร มูลศาสตร์, นภาเพ็ญ จันทขัมมา. ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงที่มีน้ำหนักเกิน. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา 2562; 20(2): 92 - 104.
ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ กระบวนการ ปฏิบัติการ เครื่องมือประเมิน. กรุงเทพมหานคร: ไอดีออลดิจิตอลพริ้นท์; 2564.
เอื้อจิต สุขพูล, ชลดา กิ่งมาลา, ภาวิณี แพงสุข, ธวัชชัย ยืนยาว, วัชรีวงค์ หวังมั่น. ผลของโปรแกรมการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนกลุ่มวัยทำงาน. วารสาร วิชาการสาธารณสุข 2563; 29(3): 419 - 29.
กานต์ณิพิชญ์ ปัญญธนชัยกุล, สุทธีพร มูลศาสตร์, วรวรรณ ชัยลิมปมนตรี. ประสิทธิผลของโปรแกรมการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่เสี่ยงต่อโรคไตเรื้อรัง. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา 2563; 21(1): 41-54.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่7 จังหวัดขอนแก่น

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความรับผิดชอบ
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารสำนักงาน ป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น หรือ ของกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ลิขสิทธ์บทความ
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์จะถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักงานป้องกันตวบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น