ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับโรคประสาทหูเสื่อมจากการประกอบอาชีพของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมเคมี
คำสำคัญ:
ความชุก, โรคประสาทหูเสื่อมจากการประกอบอาชีพ, พนักงาน, โรงงานอุตสาหกรรมเคมีบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับโรคประสาทหูเสื่อมจากการประกอบอาชีพของพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมเคมี รูปแบบการวิจัยแบบภาคตัดขวาง กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมเคมีที่เข้าร่วมโครงการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบการกับโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช จำนวน 34 คน วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-square test และ Fisher’s exact test
ผลการศึกษาพบว่า ส่วนใหญ่พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมเคมีเป็นเพศชาย ร้อยละ 91.18 อายุ 31-40 ปี ร้อยละ 38.24 ระดับการศึกษาชั้นมัธยม ร้อยละ 50.00 และไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 94.12 การเจ็บป่วยเกี่ยวกับหูมีอาการเสียงดังในหู ร้อยละ 35.28 ผลการตรวจสมรรถภาพการได้ยินพบว่า ส่วนใหญ่การได้ยินผิดปกติ ร้อยละ 91.18 โดยผิดปกติจากประสาทหูเสื่อมเริ่มจากเสียง ร้อยละ 26.48 และประสาทหูเสื่อมจากเสียงดัง ร้อยละ 17.64 ส่วนใหญ่การได้ยินผิดปกติหูทั้งสองข้าง ร้อยละ 61.76 ความชุกโรคประสาทหูเสื่อมจากการประกอบอาชีพ 44.11 รายต่อพนักงานร้อยราย และวิเคราะห์ปัจจัยหาความสัมพันธ์พบว่า ปัจจัยอายุและอายุงานมีความสัมพันธ์โรคประสาทหูเสื่อมจากการประกอบอาชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p-value= 0.046 และ 0.002 ตามลำดับ ดังนั้น โรงงานควรเพิ่มมาตรการความปลอดภัยของพนักงานที่ทำงานแผนกผลิตสารส้มเนื่องจากสัมผัสเสียงดังต่อเนื่องตลอดระยะเวลาทำงานควรปรับปรุงเครื่องจักรบดตัดสารส้มทางด้านวิศวกรรมแก้ไขจากแหล่งกำเนิด พิจารณาเลือกใช้เทคโนโลยีใหม่ทดแทนพนักงานทำงานสัมผัสเสียงดัง สร้างความตระหนักและเข้มงวดพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลให้ถูกต้องและสม่ำเสมอตั้งแต่เริ่มต้นในพนักงานใหม่ที่มีอายุงานไม่มากและกลุ่มที่มีอายุมากขึ้น เพื่อป้องกันการสูญเสียการได้ยิน
เอกสารอ้างอิง
กองเศรษฐกิจการแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน. สถานการณ์แรงงานไตรมาส 2 / 2567 เมษายน - มิถุนายน 2567 [อินเตอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 10 มิถุนายน 2567]. เข้าถึงได้จาก: http://qrgo.page.link/sj2aB
กระทรวงสาธารณสุข. รายงานอัตราป่วยโรคการได้ยินเสื่อมจากเสียงปี 2564-2566 [อินเตอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 7 มกราคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://shorturl-ddc.moph.go.th/Vgt1o
เทิดศักดิ์ ผลจันทร์, สุเมธ พีรวุฒิ, สาธิต ชยาภัม, พิชญา ตันติเศรณี. ความชุกของภาวะประสาทรับเสียงเสื่อมจากเสียงดังและปัจจัยที่เกี่ยวข้องในพนักงานโภชนาการ งานวิศวกรรมซ่อมบำรุง และงานจ่ายผ้ากลาง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. สงขลานครินทร์เวชสาร 2547; 22(1): 27-36.
ภาณุมาศ สุรสิทธิ์, สาลี อินทร์เจริญ, วัฒนา แป้นน้อย. พฤติกรรมป้องกันโรคประสาทหูเสื่อมจากการประกอบอาชีพของคนงานแปรรูปไม้ยางพาราแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง. ใน: ชื่อบรรณาธิการ, บรรณาธิการ. ชื่อหนังสือ/เรื่อง. การประชุมวิชาการระดับชาติด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพประจำปี 2560 ครั้งที่ 1; 7-8 ธันวาคม 2560: มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. เชียงราย. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง; 2561.
กรวิกา หาระสาร, จิตรพรรณ ภูษาภักดีภพ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แห่งหนึ่งของจังหวัดชลบุรี. วารสารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 2558; 5(1): 84-102.
โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี. ตำราอาชีวเวชศาสตร์. กรุงทพฯ: โรงพิมพ์ราชทัณฑ์; 2554.
กรมโรงงานอุตสาหกรรม. รายชื่อโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2561. นครศรีธรรมราช: สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช; 2561.
โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช. รายงานการตรวจทางสุขศาสตร์และอาชีวอนามัยในสถานประกอบการ ปี 2562. นครศรีธรรมราช: โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช; 2562.
อัถสิทธ์ รัตนารักษ์, มนัสวร อินทรพินทุวัตน์, กัมปนาท วังแสน, พรพรรณ สกุลคู. สถานการณ์การสูญเสียการได้ยินจากการสัมผัสเสียงดังในการประกอบอาชีพของประเทศไทยและต่างประเทศ. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2560; 10(1): 1-10.
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำโครงการอนุรักษ์การได้ยินในสถานประกอบการ. (12 มิถุนายน 2561). ราชกิจจานุเบกษา 2561; เล่ม 135 ตอนพิเศษ 134ง หน้า 15.
สมาคมโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย, กลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี. แนวทางการตรวจและแปลผลสมรรถภาพการได้ยินในงานอาชีวอนามัย. [อินเตอร์เน็ต]. 2558 [เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://www.aoed.org/ocmed/guidelines/book_audiometry.pdf
Zhou J, Shi Z, Zhou L, Hu Y, Zhang M. Occupational noise-induced hearing loss in China: a systematic review and meta-analysis. BMJ Open 2020;10: e039576.
กนกวรรณ อาจแก้ว, วิชัย พฤกษ์ธาราธิกูล, สุนิสา ชายเกลี้ยง. ความชุกของการสูญเสียการได้ยินและการสัมผัสเสียงของพนักงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์ทำความเย็น. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา 2563; 15 (1): 1-13.
รัตนาภรณ์ เพ็ชรประพันธ์, วันดี ไข่มุกด์, ฐิติวร ชูสง. การประเมินระดับเสียงและสมรรถภาพการได้ยินของพนักงานโรงงานโม่หินแห่งหนึ่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ 2558; 8(27): 13-23.
พัฒนาพร กล่อมสุนทร, ทุวัน สิมมะลิ, บารเมษฐ์ ภิราล้ำ. ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยินจากการสัมผัสเสียงดังในพนักงานโรงงานน้ำตาลสหเรือง จังหวัดมุกดาหาร. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น 2556; 11(4):40-51.
พิรวรรณ ไชยวงค์, พรนภา ศุกรเวทย์ศิริ, สุนิสา ชายเกลี้ยง. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียการได้ยินของเกษตรกรกลุ่มเพาะปลูกในจังหวัดขอนแก่น. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น 2561; 25(3): 88-98.
Zaw AK, Myat AM, Thandar M, Htun YM, Aung TH, Tun KM, et al. Assessment of noise exposure and hearing loss among workers in textile mill (Thamine), Myanmar: a cross-sectional study. Safety and health at work 2020; 11(2): 199–206.
Buqammaz M, Gasana J, Alahmad B, Shebl M, Albloushi D. Occupational Noise-Induced Hearing Loss among Migrant Workers in Kuwait. Int J Environ Res Public health 2021; 18(10): 5295.
Boger ME, Barbosa-Branco A, Ottoni AC. The noise spectrum influence on Noise-Induced Hearing Loss prevalence in workers. Braz J Otorhinolaryngol 2009; 75(3): 328–34.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่7 จังหวัดขอนแก่น

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความรับผิดชอบ
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารสำนักงาน ป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น หรือ ของกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ลิขสิทธ์บทความ
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์จะถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักงานป้องกันตวบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น