ประสิทธิภาพการจัดการระดับความเสี่ยงทางการเงินในโรงพยาบาลเพชรบูรณ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการจัดการระดับความเสี่ยงทางการเงินในโรงพยาบาลเพชรบูรณ์วิธีการวิจัย: การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบศึกษาข้อมูลย้อนหลัง (Retrospective descriptive study) กลุ่มตัวอย่าง เป็นข้อมูลแผนทางการเงิน และข้อมูลจากระบบบัญชีเกณฑ์คงค้างของโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ข้อมูลในช่วง 3 ปีงบประมาณ คือ 2558 - 2560 เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบบันทึกข้อมูลแผนทางการเงินแบบบันทึกข้อมูลเกณฑ์การวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงทางการเงิน 7 ระดับ และแบบบันทึกข้อมูลประสิทธิภาพการจัดการทางการเงิน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้วิธีการทางสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ สัดส่วน และอัตรา ผลการวิจัย: 1) ด้านแผนทางการเงินผลการวิจัย พบว่ารายได้รวมในปี 2558 และ 2559 มีผลการดำเนินงานสูงกว่าแผนร้อยละ 0.29 และ 3.86 ตามลำดับ แต่ปี 2560 ต่ำกว่าแผนร้อยละ -0.86 ค่าใช้จ่ายรวมมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าแผนในปี 2559 ร้อย -1.10 ในขณะที่ปี 2558 และ 2560 สูงกว่าแผนร้อยละ 2.68 และ 6.90 ตามลำดับ 2) ด้านการจัดระดับความเสี่ยงทางการเงิน พบว่ากลุ่มแสดงความคล่องตามสภาพสินทรัพย์ และกลุ่มแสดงระยะเวลาเข้าสู่ปัญหาการเงิน มีค่าน้ำหนักความรุนแรงเท่ากับ 0 ทั้ง 3 ปีงบประมาณ สำหรับกลุ่มแสดงความมั่นคงทางการเงินมีค่าน้ำหนักความรุนแรงเท่ากับ 0, 0 และ 1 ในปีงบประมาณ 2558-2560 ตามลำดับ โดยภาพรวมระดับความเสี่ยงทางการเงินของ ปีงบประมาณ 2558, 2559, 2560 เท่ากับ 0, 0 และ 1 ตามลำดับ 3) ด้านประสิทธิภาพการจัดการทางการเงิน พบว่าประสิทธิภาพการทำกำไรมีค่าต่ำสุด คือ -6.81 เท่าในปีงบประมาณ 2560 อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์มีค่าต่ำสุด คือ-2.98 เท่า ในปีงบประมาณ 2560 ระยะเวลาถัวเฉลี่ยในการเรียกเก็บหนี้เกิน 60 วัน ทั้ง 3 ปีงบประมาณของลูกหนี้สิทธิเบิกจ่ายตรง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ประกันสังคม, UC-AE, UC-HC, UC-DMI และUC-OPD นอก CUP ระยะเวลาถัวเฉลี่ยในการชำระหนี้ของเจ้าหนี้ค่ายา, เวชภัณฑ์มิใช่ยาและวัสดุการแพทย์, วัสดุวิทยาศาสตร์และการแพทย์เกินกว่า 90วัน เมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2560 สำหรับ การบริหารสินค้าคงคลังเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2560 นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด สถานะทางการเงินตามหลักเกณฑ์ 7 Plus Efficiency Score ปีงบประมาณ 2558-2560 เท่ากับ 0C, 0C และ 1D ตามลำดับ ข้อเสนอแนะ: ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านประสิทธิภาพการเพิ่มรายได้และควบคุมค่าใช้จ่าย ด้านบริหารการเงินการคลังควรพัฒนาสาระสนเทศด้านลูกหนี้และการเรียกเก็บเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดรับ การจัดสมดุลระหว่างกระแสเงินสดจ่ายและภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรในการจ่ายชำระหนี้
Article Details
ข้อลิขสิทธิ์วารสาร
บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร. 2 พิษณุโลก เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน กองบรรณาธิการวิชาการ และ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลกไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยทั้งหมดหรือร่วมรับผืิดชอบใดๆ หากพบว่าบทความของท่านมีการคัดลอกผลงานทางวิชาการ (plagiarism) มากกว่า 25 เปอร์เซ็นวารสารขอปฏิเสธการตีพิมพ์เผยแพร่ทุกกรณี วิธีตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการ (plagiarism)
References
2. กลุ่มบริหารการเงินการคลัง เขตสุขภาพที่ 10. หลักเกณฑ์การวัดสถานะการเงินระดับ 7 Plus Efficiency Score ปี 2560 [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 28 มีนาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก: http://spbket10.com/cfo/images/files/Meetting5-6jan60/4.K-Danuphop7EfficiencyPlus2560_V1.pdf
3. กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. กำหนดการส่งข้อมูลการเงินของหน่วยบริการ [อินเทอร์เน็ต] 2560. [เข้าถึงเมื่อ30 มีนาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก: http://hfo58.cfo.in.th/uploads/กำหนดาการส่งข้อมูลการเงิน.pdf
4. กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลบัญชีหน่วยงาน/ลูกข่าย [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 30 มีนาคม 2561] เข้าถึงได้จาก: https://hfo60.cfo.in.th/GetRawData.aspx
5. Karen Berman , Joe Knight และ John Case ผู้เขียน คมสัน ขจรชีพพันธุ์งาม และ วีรวุธ มาฆะศิรานนท์ ผู้แปล.ฉลาดรู้ทางการเงิน พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพมหานคร; บริษัทเอ็กซเปอร์เน็ท จำกัด. 2552. หน้า 217-324.