วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs <p><strong><img src="https://img2.pic.in.th/pic/--2---A4.png" width="591" height="835" /></strong></p> <p>วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรคสคร.2 เป็นวารสารทางวิชาการ จัดเผยแพร่โดย สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 พิษณุโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่วิทยาการเกี่ยวกับการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคและภัยสุขภาพ ขอบเขตรวมโรคติดต่อ โรคไม่ติดต่อ โรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ทั้งที่เป็นนิพนธ์ต้นฉบับ<em><strong>ต้องผ่านEC</strong></em> และการสอบสวนโรค งานที่ส่งมาให้พิจารณาเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 จะต้องไม่เคยเผยแพร่ ตีพิมพ์หรือกำลังรอพิมพ์ในวารสารอื่น <a href="https://www.youtube.com/watch?v=9yaF84unBa4&amp;list=PLOrQT_hNaT1zyaEPwfbN5WdUbOQL_lQ0X">วิธีส่งบทความ </a></p> <ul> <li class="show"> <p><strong>แจ้งเปลี่ยนแปลงการเผยแพร่บทความวิชาการ เป็นวารสารออนไลน์</strong></p> <p>เปลี่ยนแปลงการเผยแพร่บทความวิชาการ เป็นวารสารออนไลน์เท่านั้น ไม่มีการพิมพ์เล่ม โดยสามารถสืบค้นบทความวิชาการได้จากเวปไซต์ มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป</p> </li> </ul> สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก th-TH วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก 3057-1502 <p><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;">ข้อลิขสิทธิ์วารสาร </span></span></p> <p>บทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร. 2 พิษณุโลก เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน กองบรรณาธิการวิชาการ และ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลกไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยทั้งหมดหรือร่วมรับผืิดชอบใดๆ หากพบว่าบทความของท่านมีการคัดลอกผลงานทางวิชาการ (plagiarism) มากกว่า 25 เปอร์เซ็นวารสารขอปฏิเสธการตีพิมพ์เผยแพร่ทุกกรณี <a href="https://drive.google.com/file/d/1WtZAokFtImd6fFSHWQ4ewQ6ODmBtX4TJ/view">วิธีตรวจสอบการคัดลอกผลงานทางวิชาการ (plagiarism) </a></p> 1.ผลของการใช้รูปแบบการแพทย์ทางไกลต่อระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดและพฤติกรรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/277724 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการแพทย์ทางไกลต่อระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดและคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ จำนวน 56 ราย ที่มารับบริการ ณ คลินิกหมอครอบครัวตําบลย่านยาว อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการแบบเจาะจง แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 28 ราย และกลุ่มควบคุมจำนวน 28 ราย กลุ่มทดลองได้รับการใช้รูปแบบการแพทย์ทางไกลและกลุ่มควบคุมที่ได้รับการดูแลตามมาตรฐานเดิม รวมระยะเวลา 8 สัปดาห์ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Paired t-test และ Independent t-test ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มทดลองมีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดและคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการจัดการตนเอง หลังการทดลองดีกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p&lt;0.001) และระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดและคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการจัดการตนเอง หลังการทดลองของกลุ่มทดลองดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p&lt;0.001) การศึกษาครั้งนี้สามารถนำไปส่งเสริมให้ผู้ป่วยเบาหวานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการตนเองอย่างเหมาะสมส่งผลให้ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดลดลง ซึ่งควรติดตามผลในระยะยาว รวมถึงประเมินในมิติอื่นๆ เพื่อพัฒนาระบบการดูแลให้ดียิ่งขึ้น</p> ศุภเสกข์ เงินทอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 1 15 2.การสอบสวนอุบัติเหตุหมู่ : กรณีรถตู้รับส่งนักเรียนชนเสาไฟฟ้า อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/279485 <p>วันที่ 5 ก.พ. 2568 ทีม SAT สคร. 2 รับแจ้งเหตุการณ์อุบัติเหตุหมู่รถตู้รับส่งนักเรียนชนเสาไฟฟ้า บริเวณเส้นทางเขื่อนสิริกิติ์-อุตรดิตถ์ ม. 5 ตำบลงิ้วงาม อ. เมือง จ. อุตรดิตถ์ ทีม JIT สคร. 2 ร่วมกับคณะทำงานวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดอุตรดิตถ์ ออกสอบสวนวันที่ 6 ก.พ. 2568 เพื่อหาสาเหตุและแนวทางป้องกัน โดยรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์ สำรวจสถานที่ ยานพาหนะ สัมภาษณ์ผู้ประสบเหตุ ผู้ช่วยเหลือ วิเคราะห์ปัจจัยบาดเจ็บด้วย Haddon’s Matrix Model ผลการสอบสวน ล้อรถด้านหน้าฝั่งคนขับมีปัญหา ชนกับเสาไฟริมทาง ผู้ประสบเหตุและบาดเจ็บ 23 ราย อายุระหว่าง 7-18 ปี ไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่บาดเจ็บบริเวณศีรษะ คอ หน้าอก แขน ขา ปัจจัยเกิดอุบัติเหตุคือผู้ขับขี่อายุ 18 ปี ประสบการณ์ขับขี่รถยนต์น้อยกว่า 2 ปี ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ควบคุมรถไม่ได้ ยานพาหนะ มีอายุการใช้งานสูง ดัดแปลงเพิ่มที่นั่งผู้โดยสาร ปีผลิตยางรถยนต์มากกว่า 4 ปี ส่งผลต่อการควบคุมรถ และมีการบาดเจ็บรุนแรงจำนวนมาก ด้วยน้ำหนักด้านท้ายรถมากกว่าด้านหน้า เมื่อล้อรถยนต์และยางรถยนต์ด้านหน้ามีปัญหา ทำให้ล้อหน้าล็อค ไถลไปกับพื้นถนน บังคับทิศทางการเลี้ยวไม่ได้ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในอนาคต สำนักงานขนส่งจังหวัด สถานศึกษา ควบคุมกำกับ ตรวจสอบรถรับส่งนักเรียน ด้านความปลอดภัยของคนขับ มาตรฐานตัวรถ บรรทุกเด็กจำนวนมาก และผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียน</p> ศิริรัตน์ ตันไสว เบญจวรรณ วงษ์รอด ทิพย์วานี เกตุครุฑ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 16 33 3.ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนความเชื่อด้านการบริโภคอาหารลดโซเดียม ในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังมะด่าน อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/281486 <p>การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองชนิดกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลัง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนความเชื่อด้านการบริโภคอาหารลดโซเดียมในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่มที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านวังมะด่าน อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก ปีงบประมาณ 2566 จำนวน 34 คน คัดเลือกโดยวิธีเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย โปรแกรมปรับเปลี่ยนความเชื่อด้านการบริโภคอาหารลดโซเดียม เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย เครื่องวัดความดันโลหิต แบบประเมินความรู้ แบบสอบถามทัศนคติ แบบสอบถามความเชื่อด้านสุขภาพและแบบสอบถามพฤติกรรมการบริโภคอาหารลดโซเดียม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ แจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติ Paired Samples t – test</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมฯ กลุ่มตัวอย่างมีความเชื่อด้านการบริโภคอาหารลดโซเดียม และพฤติกรรมด้านการบริโภคอาหารลดโซเดียมเพิ่มขึ้น ค่าเฉลี่ยความดันโลหิตซิสโตลิคและความดันโลหิตไดแอสโตลิคมีค่าลดลง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ข้อเสนอแนะ หน่วยงานสาธารณสุขระดับปฐมภูมินำไปปรับใช้กับกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงให้สามารถควบคุมความดันโลหิต ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อการปรับเปลี่ยนความเชื่อและพฤติกรรมด้านการบริโภคอาหารลดโซเดียม ลดอุบัติการณ์ของโรคความดันโลหิตสูงต่อไป</p> สุนีย์ กุลณปักษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 32 46 4.การพัฒนารูปแบบการคัดกรองและวินิจฉัยวัณโรคปอด จังหวัดลำปาง https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/281947 <p>ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจังหวัดลำปางมีอัตราป่วยวัณโรคและอัตราความครอบคลุมการรักษาต่ำกว่าเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดประกอบกับส่วนใหญ่ใช้การตรวจเสมหะด้วยวิธีการย้อมสีทนกรด (acid-fast bacilli; AFB) มีข้อจำกัดด้านความไว (sensitivity) เพียง 30-70% จึงจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการคัดกรองและวินิจฉัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดกรองและวินิจฉัยวัณโรคปอดของจังหวัดลำปาง และประเมินผลลัพธ์การใช้รูปแบบที่พัฒนาขึ้น เป็นการวิจัยและพัฒนาโดยประยุกต์ใช้วงจร PAOR ดำเนินการใน 3 ระยะ กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรจากโรงพยาบาลชุมชน 12 แห่ง จำนวน 24 คน และข้อมูลผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ผ่านกระบวนการคัดกรองช่วงก่อนและหลังการใช้รูปแบบใหม่ ผลการศึกษาพบว่ารูปแบบที่พัฒนาขึ้นเน้นการใช้เทคนิค LAMP ร่วมกับ AFB อย่างเป็นระบบ การตรวจด้วยเทคนิค AFB หลังการใช้รูปแบบใหม่มีผู้ป่วยผลบวกลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ <br />(p = .011) บุคลากรมีความพึงพอใจต่อรูปแบบใหม่ในระดับมาก (x̄ = 4.17) รูปแบบการคัดกรองและวินิจฉัยวัณโรคปอดที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้ได้จริงและได้รับความพึงพอใจจากบุคลากร แต่ควรมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินประสิทธิภาพในระยะยาว</p> จันทร์ชนก กิตติจันทโรภาส ธีรารัตน์ บุญกุณะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 49 63 5.ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/281948 <p>การวิจัยแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ กลุ่มตัวอย่าง 525 คน ได้จากการสุ่มหลายขั้นตอน เครื่องมือคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ไคสแควร์ และสหสัมพันธ์สเปียร์แมนแรงค์</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 72.8 อายุเฉลี่ย 69.5 ปี (S.D.=6.5) เคยพลัดตกหกล้ม ร้อยละ 27.0 ส่วนใหญ่พลัดตกหกล้มนอกบ้าน ร้อยละ 79.6 พฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้มส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง ( =43.37, S.D.= 9.96) พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้ม มีจำนวน 5 ตัวแปร ได้แก่ ปัจจัยนำ คือ อาชีพ (p-value = 0.038), ความเพียงพอรายได้ (p-value = 0.002) และ การดื่มแอลกอฮอล์ (p-value = 0.018) ปัจจัยเอื้อ คือ ความเสี่ยงจากการพลัดตกหกล้ม (p-value &lt; 0.022, -r = 0.100) และปัจจัยเสริม คือ การได้รับการสนับสนุนจากสังคม (p-value &lt; 0.001, r = 0.640)</p> <p>การพลัดตกหกล้มเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ การป้องกันจึงควรครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย การรณรงค์ การปรับปรุงสิ่งแวดล้อม และการสนับสนุนทางสังคม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นในการศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้ม</p> เกียรติศักดิ์ ทิพยกมลพันธ์ ทวีวรรณ ศรีสุขคำ อรทัย เกตุขาว สมคิด จูหว้า สุนันทา วงศ์รัตนกมล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 64 79 6.ประสิทธิผลของแอปพลิเคชันคัดกรองโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคซึมเศร้า ตามแนวคิด สบช. โมเดล ในระดับปฐมภูมิ https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/282717 <p>การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิผลและความพึงพอใจต่อการใช้งานแอปพลิเคชันคัดกรองโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคซึมเศร้า รวมถึงการประเมินภาวะสุขภาพของกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และภาวะซึมเศร้า กลุ่มตัวอย่างคืออาสาสมัครสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ศูนย์สุขภาพชุมชนในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก จำนวน 60 คน ใช้แอปพลิเคชันทดลอง 1 ครั้ง และเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม 3 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล ประสิทธิภาพ และความพึงพอใจการใช้งาน ผลการวิจัยพบว่าแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพในระดับ “ดีมาก” ทั้งด้านความสามารถในการคัดกรอง การใช้งาน และความเป็นประโยชน์ โดยเจ้าหน้าที่มีค่าเฉลี่ยรวม (M=4.73, SD=0.48) สูงสุดด้านความเป็นประโยชน์ (M=4.80, SD=0.41) ส่วนอาสาสมัครมีค่าเฉลี่ยรวม (M=4.73, SD=0.51) สูงสุดด้านความสามารถในการคัดกรอง (M=4.79,SD =0.51) ความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับ “ดีมาก” ทั้งสองกลุ่ม การคัดกรองภาวะสุขภาพพบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีค่าดัชนีมวลกายและผลคัดกรองโรคต่าง ๆ อยู่ในระดับปกติ แสดงให้เห็นว่าแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพ เหมาะสมต่อการใช้งาน และสามารถเป็นเครื่องมือเสริมในการคัดกรองสุขภาพเชิงรุกของอสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมถึงสามารถขยายผลสู่พื้นที่อื่นได้อย่างเหมาะสม</p> พนารัตน์ เจนจบ ณัฐพิมล โกศัย กัญญาณัฐ หันตุลา ชลธิชา ภูผาสี นราภัทร คันชัย พิมพ์พิศา อุ่นศิลป์ วชิรวิทย์ อ่อนมาดี วาทินี อะสุชีวะ ขวัญข้าว เบ้าสกุล ธัญญารัตน์ แก้ววิเศษ พลอยชมพู พิมพ์ทอง แพรวา แก่นนาค วรากร แพ่งคอลสาร ศรัณยา สังเกตุดี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 80 95 7.การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเอง ด้านการบริโภคอาหาร ของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก จังหวัดอุตรดิตถ์ https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/283444 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และการรับรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารและยาของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโลหิตจาง 2) พัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านบริโภคอาหาร และ 3) ประเมินผลรูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านบริโภคอาหาร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาใน 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะโลหิตจาง จำนวน 136 คน ในระยะที่ 2 บุคลากรสาธารณสุข จำนวน 20 คน ระยะที่ 3 หญิงตั้งครรภ์ จำนวน 30 คน โดยสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามความรู้ การรับรู้และพฤติกรรมการบริโภคอาหารและยาของหญิงตั้งครรภ์ และรูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านบริโภคอาหารที่พัฒนาขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และ Paired Sample t-test ผลการวิจัย พบว่า หญิงตั้งครรภ์มีความรู้ในระดับปานกลาง ร้อยละ 60.2 การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกัน อยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ 58.8 มีพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านบริโภคอาหารอยู่ในระดับดี ร้อยละ75.7 และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านบริโภคอาหาร ได้แก่ การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกัน (r=.213) และสามารถทำนายพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านบริโภคอาหารได้ร้อยละ 5.2 หลังการใช้รูปแบบฯ พบว่า ค่าเฉลี่ยความรู้ พฤติกรรมบริโภคอาหาร และค่าฮีมาโตคริต ในหญิงตั้งครรภ์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 ดังนั้นสามารถนำรูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านการบริโภคอาหารนี้ ไปประยุกต์ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงจากการตั้งครรภ์อื่นๆได้ต่อไป</p> ประการ เข้มแข็ง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 96 110 8.ข้อเสนอเชิงนโยบายในการบริหารจัดการค้นหาการติดเชื้อวัณโรคระยะแฝงในกลุ่มผู้สัมผัสด้วยวิธี Interferon-γ release assay (IGRA) และรักษาการติดเชื้อวัณโรคระยะแฝง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/111-127 <p> การวิจัยแบบผสมผสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย ระยะที่ 1 วิจัยเอกสาร วิเคราะห์นโยบายจุดแข็งและโอกาส งบกองทุนโลก หน่วยตรวจ เครือข่าย จุดอ่อนและปัจจัยคุกคาม สื่อสารนโยบายไม่เพียงพอ งบลดลง ระยะที่ 2 วิจัยเชิงปริมาณ ผู้สัมผัสฯ CXR 43,457 ราย ผล CXR ปกติ 40,181 ราย (ร้อยละ 92.5) CXR ปกติตรวจ IGRA 6,056 ราย (ร้อยละ 15.1) IGRA Positive 1,214 (ร้อยละ 20.0) IGRA positive และรักษา 1,119 ราย (ร้อยละ 92.2) รักษาครบร้อยละ 83.6 หยุดยาจากผลข้างเคียงร้อยละ 4.6 สูตร 3HP ร้อยละ 71.0 วิเคราะห์ถดถอยลอจิสติก <br />(1) ผู้ที่รักษาในรพช. (OR = 2.823) มีโอกาสรักษาครบสูงกว่ารพศ. 2.8 เท่า และ (2) ผู้ที่ได้รับยาสูตร 3HP จะมีโอกาสรักษาครบสูงกว่ารับยา 6-9 H 4.1 เท่า (OR=4.132) ระยะที่ 3 วิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลัก 6 กลุ่ม ข้อเสนอนโยบาย กำหนดเป็นตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุขและตรวจราชการ ติดตามประเมินผล พัฒนาต่อเนื่องโดยคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพงานวัณโรค การตรวจ IGRA ควรบรรจุในชุดสิทธิประโยชน์ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทุกจังหวัดมีหน่วยตรวจและยา (Point of care) เริ่มยาเร็ว 2-4 สัปดาห์ NTIP เพิ่มตัวแปรผลข้างเคียงของยา งบจากเครือข่าย งบตรวจคนไร้สิทธิไทยและต่างชาติ มียุทธศาสตร์แผนปฏิบัติการ IGRA เป็นวิธีการที่ผู้ให้บริการและผู้รับบริการส่วนใหญ่มีความมั่นใจ ควรสนับสนุนต่อเนื่อง มีทางเลือกตรวจด้วยวิธีอื่นที่ง่าย แม่นยำและรักษาที่รพ.สต.ใกล้บ้านเพิ่มความครอบคลุมการเข้าถึงบริการ ลดภาระค่าใช้จ่ายค่าเดินทาง</p> นิรมล พิมน้ำเย็น พงศ์ปณต ตองอ่อน อัชฌ์พร เหล่าเจริญ อัศนี วันชัย พรพิศ ตรีบุพชาติสกุล ศิรินภา อายุยืน ปัทมา กล่อมพร วิลาวัลย์ บ้ำชาวนา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 111 127 9.การพัฒนารูปแบบการดูแลตนเองด้านสุขภาพ ของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ https://he01.tci-thaijo.org/index.php/dpcphs/article/view/283145 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลตนเองด้านสุขภาพ ของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยใช้การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ดำเนินการเป็นระยะเวลา 7 เดือน แบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน การพัฒนารูปแบบ <br /> การทดลองใช้ และการประเมินปรับปรุงรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน 30 คน ผู้ดูแล 30 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 15 คน รูปแบบการดูแลพัฒนาจากแนวคิด ร่วมกับทฤษฎี<br />โอเร็ม (Orem’s Self-Care Theory) เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทชุมชน การประเมินผลใช้แบบวัดความรู้ ความสามารถ และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติทีแบบกลุ่มสัมพันธ์ (Paired sample t-test) ผลการวิจัยพบว่า หลังเข้าร่วมกิจกรรม ผู้สูงอายุมีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ ความเชื่อมั่น และพฤติกรรมสุขภาพเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p &lt; 0.01) และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบในระดับมาก (ร้อยละ 80.0) สรุปได้ว่ารูปแบบการดูแลสุขภาพตนเองที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมความรู้ แรงจูงใจ และพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมของผู้สูงอายุได้อย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน และยกระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ ส่งผลให้เกิดการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน</p> ภูมินทร์ คำหนัก ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-11-25 2025-11-25 12 3 128 152