การออกแบบอุปกรณ์ช่วยทำแผ่นแป้งตามหลักการยศาสตร์ในวิสาหกิจชุมชนหมี่กระโทก
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์ด้วยวิธี Rapid Upper Limb Assessment (RULA) และศึกษาความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆของร่างกายในกลุ่มคนงานผลิตหมี่กระโทก และออกแบบพัฒนาเครื่องทำแผ่นแป้งที่จะช่วยลดความเสี่ยงทางการยศาสตร์ โดยเก็บข้อมูลจากคนงานผลิตหมี่ 17 คน โดยทั่วไปการผลิตหมี่นั้นเป็นกระบวนการที่ต้องทำด้วยมือ สามารถแบ่งกระบวนการทำงานเป็น 4 ขั้นตอนได้แก่ การตักแป้ง การเกลี่ยแป้ง การปิดฝาหม้อ และการแซะแผ่นแป้ง จากการวิคราะห์ผลระดับความเมื่อยล้าที่ส่วนต่างๆของร่างกายพบว่าคนงานส่วนใหญ่รายงานความเมื่อยล้ากล้ามเนื้อที่บริเวณหลังส่วนล่าง (ซ้าย(n=17), ขวา(n=12)) หลังส่วนบน (ซ้าย(n=11), ขวา(n=10)) มือ/ข้อมือ (ซ้าย(n=12), ขวา(n=11)) และเท้า(ซ้าย(n=13), ขวา(n=9)) จากการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการยศาสตร์โดยใช้เครื่องมือ Rapid Upper Limb Assessment (RULA) พบว่าขั้นตอนที่มีความเสี่ยงทางการยศาสตร์มากที่สุดได้แก่ ขั้นตอนการเกลี่ยแป้ง ซึ่งในขั้นตอนนี้คนงานจะต้องมีการพลิกข้อมือและขยับแขนซ้ำๆ ทางผู้วิจัยจึงได้ออกแบบและสร้างเครื่องทำแผ่นแป้งเพื่อช่วยในการลดระดับความเสี่ยงทางการยศาสตร์ พบว่าการใช้เครื่องทำแผ่นแป้งจะสามารถลดขั้นตอนการเกลี่ยแป้งและการปิดฝาหม้อ ดังนั้นจะเหลือขั้นตอนที่คนงานยังต้องทำเองเพียง 2 ขั้นตอน (การตักแป้ง และการแซะแผ่นแป้ง) เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการใช้เครื่องทำแผ่นแป้งกับวิธีดั้งเดิมพบว่า การใช้เครื่องทำแผ่นแป้งจะสามารถลดระดับความเสี่ยงในขั้นตอนการตักแป้ง จากระดับ 3 เหลือ ระดับ 2 แต่ระดับความเสี่ยงในขั้นตอนการแซะแผ่นแป้งไม่เปลี่ยนแปลง คืออยู่ที่ระดับ 2 เมื่อทำการประเมินความพึงพอใจในด้านเครื่องมือ/อุปกรณ์ ขั้นตอนการทำงาน สภาพแวดล้อมในการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงาน และความพึงพอใจในภาพรวม ต่อการใช้เครื่องทำแผ่นแป้งที่ได้พัฒนาขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีดั้งเดิม พบว่า คนงานผลิตหมี่มีความพึงพอใจต่อการใช้เครื่องทำแผ่นแป้งมากกว่าวิธีดั้งเดิม ถึง 4 ใน 5 หัวข้อ อย่างไรก็ตามความพึงพอใจในหัวข้อประสิทธิภาพการทำงานนั้นน้อยกว่าวิธีดั้งเดิม แสดงให้เห็นว่าเครื่องทำแผ่นแป้งที่ได้พัฒนาขึ้นยังคงมีข้อจำกัดและจำเป็นต้องมีการศึกษาต่อไป
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Mokarami H, Varmazyar S, Kazemi R, Taghavi SM, Stallones L, Marioryad H, et al. Low cost ergonomic interventions to reduce risk factors for work related musculoskeletal disorders during dairy farming. Work. 2019;64:195–201.
Karuppiah K, Sankaranarayanan B, Ali SM, Kabir G. Role of ergonomic factors affecting production of leather garment-based SMEs of India: implications for social sustainability Symmetry 2020;12:1414. Available from: http://dx.doi.org/10.3390/sym12091414
Rai A, Gandhi S, Kumar N, Sharma DK, Garg MK. Ergonomic intervention in Aonla pricking operation during preserve preparation in food processing industries. Work. 2012;41:401–5.
Subramaniam S, Murugesan S. Investigation of work-related musculoskeletal disorders among male kitchen workers in South India. Int J Occup Saf Ergon. 2015;21(4):524–31.
Trianasari, Ushada M, Suharno. Ergonomic risk analysis for cassava noodle production system using Occupational Repetitive Action (OCRA) [Internet]. 2019. 5th International Conference on Science and Technology (ICST). IEEE. 2019. Available from: http://dx.doi.org/10.1109/ICST47872.2019.9166284
Corlett EN, Bishop RP. A technique for assessing postural discomfort. Ergonomics. 1976;19(2):175–82.
McAtamney L. Corlett EN. RULA: a survey method for the investigation of work-related upper limb disorders. Appl Ergon. 1993;24:91-9.
Jansen JP, Hoozemans MJM, van der Beek AJ, Frings-Dresen MHW. Evaluation of ergonomic adjustments of catering carts to reduce external pushing forces. Appl Ergon. 2002;33:117–27.
Aghilinejad M, Azar NS, Ghasemi MS, Dehghan N, Mokamelkhah EK. An ergonomic intervention to reduce musculoskeletal discomfort among semiconductor assembly workers. Work. 2016;54:445–50.
Eladly AM, Abou-Ali MG, Sheta AM, EL-Ghlomy SH. A flexible ergonomic redesign of the sewing machine workstation. Res J Text Appar. 2020;24:245–65.
Rai A, Gandhi S, Kumar N, Sharma DK, Garg MK. Ergonomic intervention in Aonla pricking operation during preserve preparation in food processing industries. Work. 2012;41:401–5.
