สถานการณ์สุขภาพและปัจจัยที่สัมพันธ์กับความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่างในกลุ่มพนักงานขนส่งสินค้า ในบริษัทขนส่ง กรุงเทพมหานคร

Main Article Content

ธนัชพร ทับรอด
สุจินดา จารุพัฒน์ มารุโอ
เด่นศักดิ์ ยกยอน
สรา อาภรณ์

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้เป็นการศึกษาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์สุขภาพด้านความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่างและปัจจัยที่สัมพันธ์กับความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่างในบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าจำนวน 100 คน โดยสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบตอบด้วยตนเอง ซึ่งประยุกต์จากแบบแนวทางการเฝ้าระวังทางสุขภาพในผู้ที่สัมผัสกับแรงสั่นสะเทือนทั้งร่างกาย ประกอบด้วย คำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่, ส่วนประกอบของเบาะนั่งคนขับ, ท่าทางในการทำงานและการขับขี่, ความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับแรงสั่นสะเทือน, ลักษณะการขับขี่ และสภาพแวดล้อมขณะขับขี่ ดำเนินการเก็บข้อมูลจากกลุ่มพนักงานที่ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าหกล้อ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่าง ได้แก่ ร้อยละความถี่, ค่าเฉลี่ย, ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยและความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่าง คือ Fisher’s exact test ผลการวิจัยพบว่า ความรู้สึกไม่สบายที่หลังส่วนล่างในพนักงานขับรถขนส่งสินค้ามีอัตราร้อยละ 44 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ท่าทางการยกของ, ความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ และลักษณะของผิวถนนโดยมีค่า p-Value เท่ากับ 0.03, 0.01 และ 0.04 ตามลำดับ ผลการวิจัยนี้ยืนยันว่า ท่าทางการขับขี่, พฤติกรรมการขับขี่ และสิ่งแวดล้อมในการขับขี่รถบรรทุกขนส่งสินค้าและบริการ มีความสัมพันธ์กับความรู้สึกไม่สบายบริเวณหลังส่วนล่างในกลุ่มพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้า ดังนั้นความปลอดภัยในการขับขี่ของพนักงานขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าไม่ได้มีสาเหตุจากปัจจัยของพนักงานขับรถเพียงหนึ่งเดียวแต่เกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ ความระมัดระวังในท่าทางการขับขี่ พฤติกรรมการขับขี่ และพื้นผิวถนน ความรู้สึกไม่สบายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเป็นตัวบ่งชี้เชื่อมโยงให้เกิดอาการทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ความรู้สึกไม่สบายจึงเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของเครื่องมือด้านการยศาสตร์เพื่อใช้ในการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะทางสุขภาพในกลุ่มพนักงานขับรถ

Article Details

ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ

เอกสารอ้างอิง

Thailand Post Co. Ltd. Annual Report 2016 Thailand Post Co., Ltd.: Stepping forward to the 14th year; 2016.

Abledu JK, Offei EB, Abledu GK. Predictors of work-related musculoskeletal disorders among commercial minibus drivers in accra metropolis, Ghana. Advances in Epidemiology 2014; https://doi.org/10.1155/2014/384279.

Fadhli MZK HN, Khairul NMI, Kaswandi MA, Junaidah Z. Ergonomic risk factors and prevalence of low back pain among bus drivers. Austin J Musculoskelet Disord 2016;3(1):1028.

อรรถพล แก้วนวล กลางเดือน โพชนา. ความชุกของความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้อและกระดูกโครงร่างที่เกี่ยวเนื่องจากการทำงานในอาชีพต่างๆ. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา 2560;12(2):54-64.

Hege A, Perko M, Johnson A, Yu CH, Sönmez S, Apostolopoulos Y. Surveying the impact of work hours and schedules on commercial motor vehicle driver sleep. Saf Health Work 2015;6(2):104-13.

นภาพร รักบ้านเกิด. การศึกษาและเปรียบเทียบภาวะปวดหลังบริเวณกระเบนเหน็บในกลุ่มอาชีพพนักงานผู้ให้บริการ; 2548.

กุณฑลีย์ บังคะดานรา สรา อาภรณ์ อรวรรณ แก้วบุญชู ณัฐกมล ชาญสาธิตพร. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความสามารถในการทำงานของพนักงานขับรถบรรทุกสารเคมี. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ 2555;35(2): 62-71.

ณัชยา แซ่เจิ้น. ความชุกและปัจจัยพื้นฐานส่วนบุคคลที่มีผลต่ออาการผิดปกติของระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อของพนักงานขับรถตู้โดยสารประจำทาง: กรณีศึกษา สถานีขนส่งอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. วารสารวิจัยมข. 2557;19(1):107-18.

Phatrabuddha N, Yingratanasuk T, Rotwannasin P, Jaidee W, Krajaiklang N. Assessment of sleep deprivation and fatigue among chemical transportation drivers in Chonburi, Thailand. Saf Health Work 2018;9(2):159-163.

Robert V, Krejcie D. Determining sample size for research activities educational and psychological measurement. Educ Psychol Meas 1970;30:607-10.

Pope M, Magnusson M, Lundström R, Hulshof C, Verbeek J, Bovenzi M. Guidelines for whole-body vibration health surveillance. J Sound Vib 2002;253(1):131-67.

สถานะสุขภาพ. 2552 รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4. สืบค้นจาก https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/report/report1_6.pdf

Corlett EN, Bishop RP. A Technique for assessing postural discomfort. Ergonomics 1976;19(2):175-82.

Kuorinka I, Jonsson B, Kilbom A, Vinterberg H, Biering-Sorensen F, Andersson G, et al. Standardised Nordic questionnaires for the analysis of musculoskeletal symptoms. Appl Ergon. 1987;18(3):233-7.

Gliem JA, Gliem GR. Calculating, interpreting, and reporting Cronbach's alpha reliability coefficient for Likert-type scales; 2003.

Feise RJ, Michael Menke J. Functional rating index: a new valid and reliable instrument to measure the magnitude of clinical change in spinal conditions. Spine 2001;26(1):78-86.

Dimitriou M. Human muscle spindle sensitivity reflects the balance of activity between antagonistic muscles. J Neurosci 2014;34(41):13644-55.

Kennedy J, Oakley C, Summon S, Parry I, Wilkinson E, Brown J. Impact of road humps on vehicles and their occupants. TRL614. 2004: 48.

Smith J, Mansfield N, Gyi D. Long-term discomfort evaluation: comparison of reported discomfort between a concept elevated driving posture and a conventional driving posture. Procedia Manuf 2015;3:2387-94.

Majid NA, Abdullah MFE, Jamaludin MS, Notomi M, Rasmussen J. Musculoskeletal analysis of driving fatigue: The Influence of seat adjustments. Adv Eng Forum 2013;10:373-78.