ความชุกและปัจจัยที่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจากการทำงานในแรงงานนอกระบบกลุ่มผู้ทำเครื่องเบญจรงค์แห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทคัดย่อ: อาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อเกิดขึ้นอย่างมากในกลุ่มแรงงานนอกระบบของประเทศไทย ซึ่งส่งผลต่อผลผลิตการทำงานและคุณภาพของผลผลิตที่ลดลง การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความชุกของอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 12 เดือนที่ผ่านมา และ 7 วันที่ผ่านมาในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยที่เกี่ยวกับงาน สถานีงาน และปัจจัยด้านจิตสังคม ในผู้ทำเครื่องเบญจรงค์ที่มีหน้าที่ลงสีและเขียนลาย จำนวน 27 คน สำรวจปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล โดยใช้ปัจจัยที่เกี่ยวกับงานโดยใช้แบบประเมินท่าทางการนั่งทำงาน RULA สถานีงาน ปัจจัยด้านจิตสังคมโดยใช้แบบประเมินความเครียด SPST-20 และความชุกของอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 12 เดือนและ 7 วันที่ผ่านมา โดยแบบสอบถามเพื่อประเมินอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อที่ปรับปรุงมาจาก Nordic Musculoskeletal ผลการศึกษาพบว่า สำหรับปัจจัยงานผู้ทำเครื่องเบญจรงค์มีประสบการณ์การทำงานเฉลี่ย 21.07±12.61 ปี ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย 8.32±1.40 ชั่วโมง และชั่วโมงพักจากการทำงานจากชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย 1.46±0.72 ปี มีผู้ทำเครื่องเบญจรงค์ที่มีความเสี่ยงจากท่าทางการนั่งทำงานในระดับปานกลางมากที่สุด ร้อยละ 51.85 ปัจจัยด้านจิตสังคมผู้ทำเครื่องเบญจรงค์มีความเครียดในระดับต่ำ และในการสำรวจความชุกของอาการบาดเจ็บทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อใน 12 เดือนที่ผ่านมา ผู้ทำเครื่องเบญจรงค์ที่มีอาการในส่วนร่างกาย 3 ลำดับแรก ได้แก่ หลังส่วนล่าง ร้อยละ 37.04 ไหล่ ร้อยละ 25.93 และเข่าร้อยละ 22.22 ในส่วนอาการใน 7 วันที่ผ่านมา ผู้ทำเครื่องเบญจรงค์ที่มีอาการในส่วนร่างกาย 3 ลำดับแรก ได้แก่ หลังส่วนล่างและไหล่ ร้อยละ 37.04 ของแต่ละส่วน ข้อมือ ร้อยละ 33.33 และแขนท่อนบน ร้อยละ 25.93
Article Details
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สำรวจแรงงานนอกระบบ พ.ศ. 2560 [อินเทอร์เน็ต]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 19 ก.ย. 2562]. เข้าถึงได้จาก http://www.nso.go.th/sites/2014/DocLib13/ด้านสังคม /สาขาแรงงาน/Informal_work_force/แรงงานนอกระบบ_2560/แรงงานนอกระบบ_60.pdf
Stack T, Ostrom LT, Wilhelmsen CA. Occupational ergonomics: a practical approach. New Jersey: John Wiley & Sons; 2016.
Nunes IL, Bush PM. Work-related musculoskeletal disorders assessment and prevention. In Nunes IL, editor. Ergonomics-a systems approach. Croatia: InTech; 2012. p.1-31.
Barbe MF, Barr AE. Inflammation and the pathophysiology of work-related musculoskeletal disorders. Brain Behav Immun. 2006;20(5):423-9.
Sama W, Somtrakool K, Jantapho A. Benjarong sanitary ware: design and development for commerce in Samut Sakhon Province, Thailand. Asia Pac. J. Multidiscip. Res. 2015;3(3):59-64.
Songkham W, Chanprasit C, Jongrungrotsakul W, Kaewthummanukul T. Occupational and environmental health situation among ceramic workers: analysis in community and small enterprises. Nurs. J. 2018;45(4):97-110.
McAtamney L, Corlett EN. RULA: a survey method for the investigation of work-related upper limb disorders. Appl. Ergon. 1993 Apr 1;24(2):91-9.
Mahatnirunkul S, Pumpaisanchai W, Tarpunya P. Suanprung Stress Test-20, SPST-20. Bangkok: Department of Mental Health Ministry of Public Health; 2002.
Crawford JO. The Nordic musculoskeletal questionnaire. Occup. Med. 2007;57(4):300-1.
International Organization for Standardization. ISO 14738:2002 Safety of machinery: anthropometric requirements for the design of workstations at machinery. Geneva, Switzerland: The International Organization for Standardization; 2002.
Mannion AF, Dolan P. Electromyographic median frequency changes during isometric contraction of the back extensors to fatigue. Spine J. 1994;19(11):1223-9.
Sjøgaard G, Savard G, Juel C. Muscle blood flow during isometric activity and its relation to muscle fatigue. Eur. J. Appl. Physiol. Occup. Physiol. 1988;57(3):327-35.