ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่รับการประเมินภาวะสุขภาพ ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research)นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับ ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่รับการประเมินภาวะสุขภาพในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยนำข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary data) ที่ได้มาจากการให้บริการวิชาการแก่สังคมในการตรวจประเมิน ภาวะสุขภาพแก่กลุ่มประชาชนทั่วไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกในวันพยาบาลแห่งชาติ มาศึกษาวิเคราะห์ กลุ่มตัวอย่างคือ ประชาชนที่มารับการประเมินภาวะสุขภาพในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 600 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลสุขภาพ โดยผ่าน การตรวจสอบความเป็นปรนัย (Objectivity)วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson's product moment correlation coefficient) และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อีต้า (Eta coefficient) ผลการศึกษาพบว่า 1. กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 69) ไม่มีญาติสายตรงเป็นเบาหวาน (ร้อยละ 80) มีอายุเฉลี่ย 44.99 ปี ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) มีค่าเฉลี่ย 24.64กิโลกรัมต่อตารางเมตร รอบเอวเฉลี่ย 85.01 เซนติเมตร ความดันโลหิตซิสโตลิกโดยเฉลี่ย 124.44 มิลลิเมตรปรอท ความดันโลหิต ไดแอสโตลิกโดยเฉลี่ย 82.26 มิลลิเมตรปรอท และมีค่าระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ย 118.29 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 2. รอบเอว อายุ ความดันโลหิตซิสโตลิก ความดันโลหิตไดแอสโตลิกและดัชนีมวลกาย (BMI) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01(ค่าสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธ์เท่ากับ .22, .19, .19, .15 และ .13 ตามลำดับ) ดังนั้นจึงควรมีการรณรงค์ให้ประชาชนมีการออกกำลังกายเพื่อลดรอบเอว ลดน้ำหนัก และควบคุม ความดันโลหิต เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2
Article Details
เอกสารอ้างอิง
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เป็นเบาหวาน
ชนิดที่สอง โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า. วารสาร
พยาบาลทหารบก,15(3), 256-268.
จิราภรณ์ ชิณโสม และวิพร เสนารักษ์. (2554).
สถานการณ์ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน
ชนิดที่ 2 ของผู้หญิงอีสานวัยกลางคน: กรณี
ศึกษาชุมชนเมืองแห่งหนึ่ง.วารสารสมาคม
พยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,
29(1), 31-40.
พรทิพย์ มาลาธรรม,ปิยนันท์ พรหมคง และประคอง
อินทรสมบัติ. (2554). ปัจจัยทำนายระดับน้ำตาล
ในเลือดของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน
ชนิดที่ 2. รามาธิบดีพยาบาลสาร,16(2),218-236.
ธีรพล โตพันธานนท์. (2560). แนวทางเวชปฏิบัติ
สำหรับโรคเบาหวาน 2560. ปทุมธานี:ร่มเย็น
มีเดีย.
รัตน์ศิริ ทาโต.(2561). การวิจัยทางพยาบาลศาสตร์:
แนวคิดสู่การประยุกต์ใช้ (ฉบับปรับปรุง).
กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วิชัย เอกพลากร. (2559). รายงานการสำรวจสุขภาพ
ประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 5
พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์.
สมจิตต์ ศิริวนารังสรรค์ และเสน่ห์ แสงเงิน. (2560).
ผลของโปรแกรมลดระดับน้ำตาลในเลือดของ
ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2.
วารสารวิชาการสาธารณสุข,26(6), 1052-1061.
Aekplakorn, W., Bunnag, P., Woodward, M., Sritara,
P., Cheepudomwit, S., Yamwong, S.,&
Rajatanavin, R. (2006). A risk score for
predicting incident diabetes in the Thai
population. Diabetes Care, 29(8), 1872-1877.
Kim, M. J., Lim, N. K., Choi, S. J., & Park, H. Y.
(2015). Hypertension is an independent risk
factor for type 2 diabetes: the Korean genome
and epidemiology study. Hypertension
Research, 38(11), 783-789.
Magliano, D. J., Cameron, A., Shaw, J. E., &Zimmet,
P. Z. (2005). Epidemiology of metabolic
syndrome. In Eko, J. M., Rewers, M., Williams,
R., &Zimmet, P. Z. (Eds.).The epidemiology of
diabetes mellitus. UK: John Wiley & Sons.
Murad, A.M.,Abdulmageed, S. S.,Iftikhar, R., &
Sagga, B. K. (2014). Assessment of the
Common Risk Factors Associated with Type 2
Diabetes Mellitus in Jeddah. International
Journal of Endocrinology, vol. 2014, Article
ID 616145 fromhttps://doi.org/10.1155/2014/
616145.