การพัฒนารูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และ ซี โดยความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ กับอาสาสมัครสาธารณสุขเขตเมือง เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
คำสำคัญ:
การคัดกรอง, ไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบซีบทคัดย่อ
บทนำ : การเกิดโรคตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัสตับอักเสบบี และ ซี ทำให้เกิดการป่วยเป็นโรคมะเร็งตับได้ จึงต้องมีการพัฒนาหารูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และ ซี เพื่อลดการป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ
วัตถุประสงค์ : เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ศึกษาความรู้เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี การดำเนินการ และปัญหาตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ของ อสม. และศึกษาผลของรูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และ ซี
วัสดุและวิธีการศึกษา : เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย 1) บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง 17 คน 2) อสม. 16 คน 3) เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 8 คน 4) ประชาชนไทยกลุ่มเสี่ยงต่อไวรัสตับอักเสบบี และ ซี 120 คน โดยได้ดำเนินการพัฒนารูปแบบการคัดกรอง อบรม อสม.เกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และ ซี และดำเนินการคัดกรอง เครื่องมือในการศึกษา ได้แก่ รูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และ ซี แบบสอบถาม และแบบบันทึกผลการคัดกรอง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และ Paired sample t-test
ผลการศึกษา: รูปแบบการคัดกรองที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) การประชาสัมพันธ์ 2) การเตรียมอุปกรณ์ในการคัดกรอง 3) การให้บริการคัดกรอง ผลการศึกษา พบว่า อสม. ส่วนใหญ่ มีความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และ ซี ในระดับดี ร้อยละ 62.5 และ 87.5 มีการดำเนินการคัดกรองในระดับมาก ร้อยละ 93.8 มีปัญหาในการตรวจคัดกรอง ในเรื่องความชำนาญในการเจาะเลือด ความร่วมมือในการคัดกรอง และสถานที่ให้บริการคับแคบ ร้อยละ 50.0, 43.7 และ 25.0 ตามลำดับ ผลการคัดกรองทำให้ประชาชนที่รับการคัดกรองมีความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และ ซี เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001) มีความพึงพอใจต่อการรับบริการในระดับมาก ร้อยละ 80.8 และพบผลบวกไวรัสตับอักเสบบี และ ซี ร้อยละ 2.5 และ 0.0 ตามลำดับ
สรุป : จากผลการศึกษา ควรนำรูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และ ซี ที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการตรวจคัดกรองต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. แนวทางการดำเนินงานตรวจคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในประชากรกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยง เพื่อส่งต่อเข้าสู่ระบบการรักษา ในพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฉบับปรับปรุง ปี พ.ศ. 2566. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2566.
ศูนย์ประสานงานสำนักโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. กรมควบคุมโรคเร่งสร้างความรอบรู้เรื่อง “โรคไวรัสตับอักเสบบี” ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม หวังยุติภายใน 9 ปี [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 30 พ.ค. 2567]. เข้าถึงจาก: https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=21693&deptcode=brc&news_views=3235
คณะสาธารณสุขศาสตร์. การศึกษาทบทวนชุดสิทธิประโยชน์ภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี และซี ในประชากรกลุ่มเสี่ยง ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประเทศไทย ปี 2564. อุบลราชธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2564.
กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี และการกำจัดการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากแม่สู่ลูก พ.ศ. 2566. สมุทรปราการ: เอส.บี.เค.การพิมพ์; 2566.
เขมกร เที่ยงทางธรรม, อรวรรณ วงศ์สถิตย์, วรงค์กช เชษฐพันธ์, อุบลวรรณ และภูษา, สุภัทรา สุขเกษม. การคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซีในผู้รับบริการกลุ่มเสี่ยงที่มารับบริการ ณ ศูนย์นวัตกรรมคลินิกเขตเมือง. วารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง. 2565;6(2):218–31.
World Health Organization. WHO releases first-ever global guidance for country validation of viral hepatitis B and C elimination [Internet]. 2021 [cited 2024 Jun 1]. Available from: https://www.who.int/health-topics/hepatitis#tab=tab_1
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. การเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยา. นนทบุรี: กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค; 2564.
ศูนย์ประสานงานโรคตับอักเสบจากไวรัส กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. แนวทางการกำจัดโรคไวรัสตับอักเสบซี ประเทศไทย. กรุงเทพฯ: เจ.เอส.การพิมพ์; 2563.
Kemmis S, McTaggart R. The action research reader. Geelong, Victoria: Deakin University Press: John Wiley & Sons; 1988.
Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences. Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates; 1988.
ศศิธร ศรีโพธิ์ทอง, สิริพรรณ ธีระกาญจน์, วิโรจน์ วรรณภิระ. การพัฒนาระบบการคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงโดยอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายชุมชนเมืองในคลินิกหมอครอบครัว [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 20 ส.ค. 2567]. เข้าถึงจาก: https://mgronline.com/goodhealth/detail/9580000066379
Sapsirisopa K. The renal complication screening development of patients with high blood pressure, Muang Nongkhai District, Nongkhai Province. EAU Heritage J Sci Technol. 2017;11(2):207–14.
ธีรพจน์ ฟักน้อย. การพัฒนารูปแบบการคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน. พุทธชินราชเวชสาร. 2565;39(3):268–95.
ภาณุพันธุ์ ธนปฐมสินชัย, จรรยา ดวงแก้ว, ถนอม นามวงศ์. รูปแบบการดำเนินงานป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีและซีในพนักงานคัดแยกขยะสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดยโสธร. วารสารควบคุมโรค. 2564;47(3):531–41.
Committee for the Development of Viral Hepatitis Prevention and Control Plan, Ministry of Public Health. Thailand national strategy on viral hepatitis prevention and control, 2017–2021. Nonthaburi: Viral Hepatitis Coordinating Center; 2016. (in Thai)
Department of Health Service Support. Handbook of village health volunteers in the new era. Nonthaburi: Cooperative Federation of Thailand; 2011.
กิตติพร เนาว์สุวรรณ, นภชา สิงห์วีรธรรม, นวพร ดำแสงสวัสดิ์. ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความรุนแรงของโรคต่อบทบาทการดำเนินงานควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในประเทศไทย. วารสารสถาบันบำราศนราดูร. 2563;14(2):92–103.
สำเริง แหยงกระโทก, ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์, ภานุวัฒน์ ปานเกตุ, วรารัตน์ กิจพจน์. ความรู้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ; 2563.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ของมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากวารสารมหาราชนครศรีธรรมราชเวชสาร ก่อนเท่านั้น