การรับรู้ประสิทธิภาพสิ่งอานวยความสะดวกด้านการฝึกซ้อมกีฬา และแนวทางการพัฒนาศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย
DOI:
https://doi.org/10.14456/jsst.2021.16คำสำคัญ:
สิ่งอานวยความสะดวกกีฬา, ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ, การพัฒนาศักยภาพบทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิภาพสิ่งอานวยความสะดวกด้านการฝึกซ้อมกีฬาตามปัจจัยนโยบายกีฬาที่นาไปสู่ความสาเร็จระดับนานาชาติ และทดสอบรูปแบบการพัฒนาศักยภาพศูนย์ฝึกกีฬาภูมิภาคสู่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ รูปแบบการวิจัยเป็นแบบผสมผสาน ศูนย์ฝึกกีฬาภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จังหวัดนครราชสีมา และศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติสนามกีฬาสมโภชจังหวัดเชียงใหม่ 700 ปี ถูกเลือกสาหรับการศึกษา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณคือผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ รวม 693 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นผู้ให้ข้อมูล 20 คน ที่ผ่านการเกณฑ์การคัดเข้า 3 เกณฑ์ เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถามซึ่งผู้วิจัยพัฒนาใหม่ มีค่าความตรงและค่าความเที่ยง 0.95 และ 0.94 ตามลาดับ รวมทั้งใช้การสนทนากลุ่มย่อย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยผู้ช่วยวิจัย และประชุมอิเล็กทรอนิกส์ด้วยโปรแกรมซูม สถิติที่ใช้ คือ ไค-สแควร์ การวิเคราะห์ความแปรปรวน การวิเคราะห์ปัจจัยเชิงยืนยัน การวิเคราะห์ข้อมูลแบบสามเส้า และสรุปผลการวิจัยด้วยการผสานวิธี
ผลการวิจัย พบว่า ศูนย์ฝึกกีฬาภูมิภาคทั้ง 3 แห่ง มีค่าเฉลี่ยการรับรู้ประสิทธิภาพสิ่งอานวยความสะดวกอยู่ในระดับสูง รูปแบบการพัฒนาศักยภาพศูนย์ฝึกกีฬาภูมิภาคสู่ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย มีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์และเหมาะสมในการนาไปใช้จริง การบริหารจัดการศูนย์ฝึกกีฬาภูมิภาคควรให้ความสาคัญเรียงตามลาดับ ได้แก่ ข้อมูลความต้องการ เครือข่ายสิ่งอานวยความสะดวกคุณภาพสูง ข้อมูลการเดินทาง การเข้าถึง ทุนการปรับปรุงใหม่ การใช้เวลาเดินทาง สิ่งอานวยความสะดวกคุณภาพสูง ข้อมูลโครงสร้างพื้นฐาน และข้อมูลสิ่งอานวยความสะดวก ข้อเสนอแนะจากการวิจัยจาแนกเป็น 3 มิติ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับการนาไปใช้จริงในสถานการณ์ปัจจุบัน
(วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา 2564; 21(ฉบับออนไลน์))
คาสาคัญ: สิ่งอานวยความสะดวกกีฬา / ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ / การพัฒนาศักยภาพ
เอกสารอ้างอิง
2. De Bosscher V, Shibli S, Westerbeek H, van Bottenburg M. (2015). Successful elite sport policies. An international comparison of the Sports Policy factors Leading to International Sporting Success (SPLISS 2.0) in 15 nations. Aachen: Meyer & Meyer.
3. Tasnaina N, Tasnaina O. Guidelines for promoting sports from basic sports to professional sports for Thailand. Journal of Health, Physical Education and Recreation, 2022; 48(1): 154-165.
4. Sports Authority of Thailand. Annual report 2563 Sports Authority of Thailand Ministry of Tourism and Sports. Bangkok: Sports Authority of Thailand; 2020.
5. Udomkitpanya C, Wiruchnipawan W. Promoting administration of modern technology application for competition of the Sport Authority of Thailand according to the Sufficiency Economy philosophy. EAU Heritage Journal Social Science and Humanity, 2017; 7(2): 157-164.
6. Puapuang K, Kanchanapokin K. The management of Rajamangala national stadium, Sport Authority of Thailand for service quality. Journal of Multidisciplinary in Humanities and Social Sciences, 2020; 3(1): 51-62.
7. Chaiyrak P, Chobthamasakul C, Hengsawat R, Somkane W. Exercising behaviors of user of the Sports Authority of Thailand. Journal of Health, Physical Education and Recreation, 2021; 47(2): 207-217.
8. Turner AN, Bishop C, Cree J, Carr P, McCann A, Bartholomew B, Halsted L. Building a high-performance model for sport: a human development-centred approach. Strength and Conditioning Journal, 2019; 41(2): 100-107. doi: 10.1519/SSC.0000000000000447
9. Gullich A, Emrich E. Individualistic and collective approach in athlete support programs in the German high-performance sport system. European Journal for Sport and Society, 2012; 9(4): 243-268. doi: 10.1080/16138171.2012.11687900
10. Rynne SB, Mallett C, Tinning R. High performance sport coaching: institute of sport as sites for learning. International Journal of Sports Science & Coaching, 2006; 1(3): 223-234. doi: 10.1260/174795406778604582
11. Japanese Olympic Committee [Internet]. Tokyo: Ajinomoto national training center [updated 2021 July 24; cited 2021 Jul 24]. Available from https://www.joc.or.jp/english/ntc/
12. Hu LT, Bentler PM. Cutoff criteria for fit indices in covariance structure analysis: conventional criteria versus new alternatives. Structural Equation Modeling: A Multidisciplinary Journal. 1999; 6(1): 1-55.
13. Strauss A, Corbin J. Basics of qualitative research: grounded theory procedures and techniques. 1990. Newbury Park, CA : Sage.
14. Balyi I, Way R., Higgs C. Long-Term Athlete Development. 2013. Champaign, Illinois : Human Kinetics.
15. Chankuna D, Khositdham P. Social benefits model of sports city in Chon Buri. Journal of Faculty of Physical Education, 2020; 23(2): 14-24.
16. Hongchumpear P, Sripokangkul S. Study on potentiality in Khon Kaen development toward the sport city. Journal of Local Governance and Innovation, 2020; 4(1): 15-30.
17. Pearson D. Managing sport facilities and major events. Journal of Sport Management, 2006; 20(3): 435-436. doi: 10.1123/jsm.20.3.435
