ภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังและต่อเนื่อง และอัตราการรอดของไตที่ได้รับการปลูกถ่าย: การวิเคราะห์ย้อนหลัง 14 ปีในโรงพยาบาลแห่งเดียว
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำ: ภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังและต่อเนื่องเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการสูญเสียไตที่ได้รับการปลูกถ่าย ในปัจจุบันการรักษาภาวะดังกล่าวยังไม่ค่อยได้ผลดีเท่าที่ควร การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการอยู่รอดของไตหลังจากที่ได้รับการวินิจฉัย และรักษาภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังและต่อเนื่อง และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียไต
ระเบียบวิธีวิจัย: มีผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายไตระหว่างปี พ.ศ. 2550 ถึง 2564 จำนวน 144 ราย พบว่ามีภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดี จำนวน 30 ราย และมีภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังและต่อเนื่องที่วินิจฉัยได้จากผลชิ้นเนื้อไตตามเกณฑ์การวินิจฉัยของ Banff ปี ค.ศ.2017 จำนวนทั้งสิ้น 15 ครั้งในผู้ป่วย 12 ราย
ผลการศึกษา: ระยะเวลาโดยเฉลี่ยตั้งแต่การปลูกถ่ายไตถึงการวินิจฉัยภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังและต่อเนื่องคือ 6 ปี ระยะเวลาการอยู่รอดของไตหลังจากได้รับการวินิจฉัยคือ 2.6 ปี โดยมีอัตราการสูญเสียไตอยู่ที่ร้อยละ 58.3 ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังและต่อเนื่องมีค่าคริเอทินิน 2.6 มก/ดล และมีอัตราส่วนของปริมาณโปรตีนในปัสสาวะ/คริเอทินิน 1.5 กรัม/กรัม ปัจจัยเดียวที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการสูญเสียไตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ค่าคริเอทินินที่สูงในตอนที่ได้รับวินิจฉัย และพบแนวโน้มความสัมพันธ์ของปริมาณโปรตีนที่รั่วในปัสสาวะที่สูงกับการสูญเสียไต แต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
สรุป: ภาวะปฏิเสธไตจากแอนติบอดีแบบเรื้อรังต่อเนื่องส่งผลต่อทำให้อัตราการอยู่รอดของไตที่ลดลง การทำงานของไตที่ลดลงตอนที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นปัจจัยเดียวที่มีความสัมพันธ์กับการสูญเสียไต
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ตีพิมพ์ภายไต้การอนุญาต CC BY-NC-ND 4.0 ซึ่งอนุญาตให้สามารถใช้บทความนี้พื่อวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ โดยต้องมีการอ้างถึงที่มาของบทความอย่างครบถ้วน ใครก็ตามสามารถคัดลอกและแจกจ่ายทุกส่วนของบทความนี้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้ประพันธ์หรือสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย
เอกสารอ้างอิง
Gruessner AC, Gruessner RWG. Comment on the Article “OPTN/SRTR 2015 Annual Data Report: Pancreas.” Am J Transplant. 2017;17(7):1952–3.
Wiebe C, Gibson IW, Blydt-Hansen TD, Karpinski M, Ho J, Storsley LJ, et al. Evolution and Clinical Pathologic Correlations of De Novo Donor-Specific HLA Antibody Post Kidney Transplant. Am J Transplant. 2012;12(5):1157–67.
Sellarés J, de Freitas DG, Mengel M, Reeve J, Einecke G, Sis B, et al. Understanding the Causes of Kidney Transplant Failure: The Dominant Role of Antibody-Mediated Rejection and Nonadherence. Am J Transplant. 2012;12(2):388–99.
Schinstock CA, Mannon RB, Budde K, Chong AS, Haas M, Knechtle S, et al. Recommended Treatment for Antibodymediated Rejection After Kidney Transplantation: The 2019 Expert Consensus From the Transplantion Society Working Group. Transplantation. 2020;104(5):911–22.
Chiu HF, Wen MC, Wu MJ, Chen CH, Yu TM, Chuang YW, et al. Treatment of chronic active antibody-mediated rejection in renal transplant recipients – a single center retrospective study. BMC Nephrol. 2020;21(1):6.
Redfield RR, Ellis TM, Zhong W, Scalea JR, Zens TJ, Mandelbrot D, et al. Current outcomes of chronic active antibody mediated rejection – A large single center retrospective review using the updated BANFF 2013 criteria. Hum Immunol. 2016;77(4):346–52.
Yilmaz VT, Dandin O, Kisaoglu A, Avanaz A, Kamaci D, Toru HS, et al. Prognosis and Treatment for Active and Chronic Antibody-Mediated Rejection in Renal Transplant Recipients; Single Center Experience. Transplant Proc. 2022;54(7):1809–15.
Sazpinar O, Gaspert A, Sidler D, Rechsteiner M, Mueller TF. Histologic and Molecular Patterns in Responders and Non-responders With Chronic-Active Antibody-Mediated Rejection in Kidney Transplants. Front Med (Lausanne). 2022;9:820085.