ความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มาขึ้นทะเบียนรับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาฝาย จำนวน 142 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบ่งเป็น 3 ส่วนประกอบด้วยข้อมูลทั่วไป แบบวัดความรู้เกี่ยวโรคเบาหวานและแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า สวนใหญ่ผู้ป่วยเป็นเพศหญิง ร้อยละ 67.61 อายุอยู่ระหว่าง 41 - 60 ปี ร้อยละ 52.81 มีรายได้ต่ำกว่า 3,000 บาท ร้อยละ 39.43 มีระยะเวลาของการเป็นโรค มากกว่า 5 ปี ร้อยละ 68.30 ส่วนใหญ่มีความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานอยู่ในระดับดี ร้อยละ 84.2 รองลงมาอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 15.8 ส่วนพฤติกรรมการดูแลตนเอง พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการดูแลตนเองอยูในระดับปานกลางร้อยละ 58.1 รองลงมาอยู่ในระดับต่ำร้อยละ 31.8 และมีพฤติกรรมการดูแลตนเองอยูในระดับดีร้อยละ 10.2
Article Details
เอกสารอ้างอิง
การแพทย์และสาธารณสุข เขต2. 2556; (3)1: 21-26.
2.ชัชลิต รัตรสาร.สถานการณ์ปัจจุบันและความร่วมมือเพื่อปฏิรูปการดูแลรักษาโรคเบาหวานในประเทศไทย.[อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 2 มกราคม 2562]; แหล่งข้อมูล Thailand Blueprint for Change_2017_TH.pdf.
3.กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี(พ.ศ. 2560 - 2564) .กรุงเทพฯ: บริษัท อิโมชั่น อาร์ต จำกัด ;2560.
4.สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค.รายงานประจำปี 2558.กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ ;2559.
5.ณิชชาภัทร ธนศิริรักษ์ และวลัยนารี พรมลา.พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ในจังหวัดปทุมธานี. วารสารสถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ (สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) 2559; 2(2) :352 363.
6. วารดา มาลา และประจักร บัวผัน.การดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในเขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยมะหรี่ ตำบลโนนเมือง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู.วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น 2560; 24(1) :71-79.
7. อ้อมใจ แต้เจริญวิริยะกุล และกิตติยา ศิลาวงศ์ สุวรรณกูฏ. การรับรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ .วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ 2560 ; 9(3) :331-338.
8. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ.ข้อมูลสถิติชีพและสถานะสุขภาพ. [อินเตอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2561]; แหล่งข้อมูล http://164.115.22.73/smoffice/index.php?r=Rp/HealthStatus
9. วิเชียร เกตุสิงห์. หลักการสร้างและวิเคราะห์เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย.กรุงเทพฯ :ไทยวัฒนา พาณิช; 2538.
10.สมจิตร ชัยยัสมุทร และวลัยนารี พรมลา. แนวทางการพัฒนาความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน จังหวัดปทุมธานี. วารสารบัณฑิตศาส์น มหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 2560; 15 (2) :111-123.
11.ลักษณา พงษ์ภุมมา และศุภรา หิมานันโต. ความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ตำบลบางทราย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี .วารสาร มฉก.วิชาการ 2560 ; (20)40 :67-76.
12.จุไรรัตน์ สานนท์.ศึกษาความรู้และพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป อำเภอสนธิ จังหวัดลพบุรี.วารสารการแพทย์และสาธารณสุขเขต 4.2559; 6(1) :35-40.
13.วรรณรา ชื่นวัฒนา และนิชานาฏ สอนภักดี.พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี.วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยปทุมธานี.2557; 6(3) :163-170.