การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต่อมทอนซิลในเด็กอ้วนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: กรณีศึกษา

Main Article Content

อรศศิร์ กรอบทอง

บทคัดย่อ

การผ่าตัดต่อมทอนซิลในผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะอ้วน และมีข้อบ่งชี้ของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบทางเดินหายใจได้มาก ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและคุกคามชีวิตเกิดขึ้นได้ทั้งระหว่างและหลังการผ่าตัด ดังนั้นการให้การพยาบาลที่ถูกต้องเหมาะสม และครอบคลุม ช่วยลดอุบัติการณ์ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการให้การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต่อมทอนซิลในเด็กที่มีภาวะอ้วนและหยุดหายใจขณะหลับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนให้การพยาบาลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมต่อไป กรณีศึกษาเป็นผู้ป่วยเด็กอายุ 7 ปี มาพบแพทย์ด้วยอาการหายใจเสียงดัง นอนกรน กลั้นหายใจและสะดุ้งตอนกลางคืนบ่อยครั้ง จากการซักประวัติและตรวจร่างกายพบดัชนีมวลกาย 38.89 ต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์โต มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์จึงให้การรักษาโดยการผ่าตัดต่อมทอนซิลด้วยวิธีดมยาสลบ การให้การพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ป่วยและครอบครัวทั้งด้านร่างกายและจิตใจก่อนการผ่าตัด รวมทั้งการให้การพยาบาลใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ที่มุ่งเน้นการดูแลและเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ เลือดออกในช่องคอ และการบรรเทาปวด ช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างและหลังการผ่าตัดได้ ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้ดี สามารถหายใจได้สะดวก ไม่มีอาการสูดสำลัก มีเลือดออกจากแผลผ่าตัดเล็กน้อย มีอาการเจ็บคอเล็กน้อย ไม่พบภาวะแทรกซ้อนรุนแรงใด ๆ จากกรณีศึกษาพบว่าการให้การพยาบาลอย่างครอบคลุมทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด รวมทั้งการให้ความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวก่อนกลับบ้านเป็นสิ่งที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้น ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ การติดเชื้อ หรือมีเลือดออกที่แผลผ่าตัด และยังช่วยให้คุณภาพชีวิตของทั้งผู้ป่วยและครอบครัวดีขึ้น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
1.
กรอบทอง อ. การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดต่อมทอนซิลในเด็กอ้วนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: กรณีศึกษา. JMPH4 [อินเทอร์เน็ต]. 24 มิถุนายน 2020 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];10(2):74-82. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JMPH4/article/view/248463
ประเภทบทความ
นิพนธ์ต้นฉบับ (บทความวิชาการ)

เอกสารอ้างอิง

1. Gigante J. Tonsillectomy and adenoidectomy. PEDIATR REV 2005;26:199-203.

2. Patel HH, Straight CE, Lehman EB, Tanner M, Carr MM. Indications for tonsillectomy: a 10 year retrospective review. Int J Pediatr Otorhinolaryngol 2014;78:2151-5.

3. ปารยะ อาศนะเสน. การผ่าตัดต่อมทอนซิล. คลินิก 2560;33,1277-81. [อินเตอร์เน็ต] วารสารหู คอ จมูก และใบหน้า (ไทย). [เข้าถึงเมื่อ 29 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.rcot.org/2016/People/Detail/44

4. อรุณวรรณ พฤทธิพันธุ์, วนพร อนันตเสรี และธีรเดช คุปตานนท์. การวินิจฉัยภาวะ OSA ในเด็ก. ใน อรุณวรรณ พฤทธิพันธุ์, สุชาดา ศรีทิพยวรรณ และธีรเดช คุปตานนท์ บรรณาธิการ. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาเด็กที่นอนกรน และมีต่อมทอนซิลและหรืออะดีนอยด์โต. [อินเตอร์เน็ต] ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. [เข้าถึงเมื่อ 27 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaipediatrics.org/pages/Doctor/Detail/8/98

5. Ruehland WR, Rochford PD, Dip G, O’Donoghue FJ, Pierce RJ, Singh P, Thornton AT. The new AASM criteria for scoring hypopneas: Impact on the apnea hypopnea index. Sleep 2009;32:150-7.

6. Kang KT, Chou CH, Weng WC, Lee PL, Hsu WC. Associations between adenotonsillar hypertrophy, age, and obesity in children with obstructive sleep apnea. PLoS On 2013;8,e78666.

7. Tal A, Obstructive sleep apnea syndrome: Pathophysiology and clinical characteristics. In: Sheldon SH, Ferber R, Kryger MH, Gozal D, editors. Principles and Practice of Pediatric Sleep Medicine 2nd ed. China: Elsevier Inc; 2014;p.215-20.

8. พิบูล วชิรลาภไพฑูรย์. การผ่าตัดต่อมทอนซิล, อะดีนอยด์ ในผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะอ้วนและหยุดหายใจขณะหลับ. กุมารเวชสาร 2552;16:133-4.

9. Baugh RF, Archer SM, Mitchell RB, Rosenfeld RM, Amin R, Burns JJ, et al. Clinical practice guideline: tonsillectomy in children. Otolaryngol Head Neck Surg 2011;144:S1-30.

10. Marcus CL, Brooks LJ, Draper K A, Gozal D, Halbower AC, Jones J, et al. Diagnosis and management of childhood obstructive sleep apnea syndrome. Pediatrics 2012;130:e714-55.

11. Ward SLD, Perez IA. Treatment options in obstructive sleep apnea. In: Sheldon SH, Ferber R, Kryger MH, Gozal D, editors. Principles and Practice of Pediatric Sleep Medicine 2nd ed. China: Elsevier Inc; 2014;p.255-62.

12. Reckley LK, Fernandez-Salvador C Camacho M. The effect of tonsillectomy on obstructive sleep apnea: an overview of systematic reviews. Nat Sci Sleep 2018;10:105-10.

13. เฉลิมไทย เอกศิลป์, ประวิทย์ เจตนชัย, นพรัตน์ ธรรมศิริ. ภาวะ OSA ในเด็กอ้วน ใน อรุณวรรณ พฤทธิพันธุ์, สุชาดา ศรีทิพยวรรณ และธีรเดช คุปตานนท์ บรรณาธิการ. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาเด็กที่นอนกรนและมีต่อมทอนซิลและหรืออะดีนอยด์โต. [อินเตอร์เน็ต] ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย, 2558. [เข้าถึงเมื่อ 27 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaipediatrics.org/pages/Doctor/Detail/8/98

14. Goldstein NA, Fatima M, Campbell TF, Rosenfeld RM. Child behavior and quality of life before and after tonsillectomy and adenoidectomy. Arch Otolaryngol Head Neck Surg 2002;128:770-5.

15. Marcus CL, Moore RH, Rosen CL, Giordani B, Garetz SL, Taylor HG, et al. A randomized trial of adenotonsillectomy for childhood sleep apnea. N Engl J Med 2013;368:2366-76.

16. Gozal D, Kheirandish-Gozal L. Sleep apnea in children - Treatment considerations. Paediatr Respir Rev 2006;7 Suppl 1:S58-61.

17. สุชาดา ศรีทิพยวรรณ, กนกพร อุดมอิทธิพงศ์ และสุมาลี ฮั่นตระกูล. 2558. การรักษาผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะ OSA ใน อรุณวรรณ พฤทธิพันธุ์, สุชาดา ศรีทิพยวรรณ และธีรเดช คุปตานนท์ บรรณาธิการ. แนวทางการวินิจฉัยและรักษาเด็กที่นอนกรนและมีต่อมทอนซิลและหรืออะดีนอยด์โต. [อินเตอร์เน็ต] ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย. [เข้าถึงเมื่อ 27 พฤษภาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaipediatrics.org/pages/Doctor/Detail/8/98

18. Chan J, Edman JC, Koltai PJ. Obstructive sleep apnea in children. Am Fam Physician. 2004;69:1147-54.

19. Mitchell RB, Archer SM, Ishman SL, Rosenfeld RM, Coles S, Finestone SA, et al. Clinical practice guideline: Tonsillectomy in children (update)-executive summary. Review Otolaryngol Head Neck Surg 2019;160:187-205.