การพัฒนารูปแบบการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี ปี 2561
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ทั่วไป เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี และวัตถุประสงค์เฉพาะ 1.เพื่อศึกษาบริบทในการคัดกรองค้นหาและการรักษาผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคแบบใหม่ ด้วยวิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) และ 3. เพื่อประเมินประสิทธิผลรูปแบบการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคแบบใหม่ โดยแบ่งขั้นตอนการวิจัยออกเป็น 3 ระยะ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา มี 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการคัดกรองค้นหา และรักษาผู้ป่วย วัณโรคในเรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี โดยใช้กระบวนการแนวคิดการมีส่วนร่วม (Participatory approach) และนำเครื่องมือที่ใช้สะท้อนผลการปฏิบัติงาน ด้วยเทคนิคการทบทวนก่อนการปฏิบัติงาน (Before action review) และการวิเคราะห์ หลังการปฏิบัติ (After action review) หรือการเรียนรู้ระหว่างทำงาน มาใช้ในการสนทนากลุ่ม (Focus group discussion) กลุ่มตัวอย่างกลุ่มที่สอง คือ กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี ที่ได้รับการตรวจคัดกรองค้นหาวัณโรค โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ และร้อยละ ของการค้นพบผู้ป่วยวัณโรคในเรือนจำเมื่อแรกรับ เป็นผลของการศึกษา ผลการวิจัย คือสามารถพัฒนารูปแบบการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคแบบใหม่ จนนำไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม เริ่มต้นที่ผู้ต้องขังรับใหม่/รับย้าย นำเข้าแยกกักที่ห้องแรกรับในเรือนจำ ต่อจากนั้นนำไปรับการตรวจคัดกรองวัณโรค ด้วยวิธีการถ่ายภาพรังสีทรวงอก (X-ray ปอด) ทุกบ่ายวันศุกร์ ที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี (Green channel) โดยเร็วที่สุด หากผลการตรวจพบปอดผิดปกติ ทางเรือนจำจังหวัดสิงห์บุรี จะนำผู้ป่วยสงสัยวัณโรคเข้าห้องแยกโรค และส่งตรวจวินิจฉัย หากพบป่วยเป็นวัณโรค ก็นำเข้ารับการรักษา ที่คลินิกวัณโรค (TB clinic) ของโรงพยาบาลสิงห์บุรี โดยมีพยาบาลประจำเรือนจำ เป็นผู้ควบคุมกำกับการกินยาด้วยระบบ Directly observed therapy (DOT) คือ ให้กินยาต่อหน้า และเมื่อพ้นระยะแพร่เชื้อ จึงส่งกลับแดนพิจารณาคดี/แดนเด็ดขาดต่อไป ผู้ต้องขังทุกคนยังจะได้รับการตรวจคัดกรองซ้ำด้วยการ X-ray ปอด ประจำปีๆ ละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ ผลการประเมินภายหลังการนำรูปแบบดังกล่าวไปใช้ พบว่า มีการค้นพบผู้ป่วยเร็วขึ้น ได้รับการรักษาเร็วขึ้น ป้องกันการแพร่เชื้อภายในเรือนจำ และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง มีความพึงพอใจการคัดกรองวัณโรครูปแบบใหม่มากกว่ารูปแบบเก่า
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. ศิรินภา จิตติมณี, นิภา งามไตรไร. แนวทางการเร่งรัดการควบคุมวัณโรคในเรือนจำของประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2552.
3. วรรณเพ็ญ จิตต์วิวัฒน์, นิภา งามไตรไร. การพัฒนาแบบคัดกรองวัณโรคปอดในเรือนจำ. วารสารสาธารณสุขศาสตร์ 2548; 48(4): 194-202.
4. กรมควบคุมโรค. สำนักวัณโรค. มาตรฐานการป้องกันและดูแลรักษาวัณโรคในเรือนจำ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2559.
5. สุภางค์ จันทวานิช. วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2547.
6. เพชรวรรณ พึ่งรัศมี, วีรศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์. การติดเชื้อและอัตราป่วยวัณโรคของประชากรบางกลุ่มในประเทศไทย ผลการทบทวนรายงานการวิจัย 62 เรื่อง ระหว่าง พ.ศ.2502-2541. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; 2541.
7. อมรรัตน์ วิริยะประสพโชค, จินตนา งามวิทยาพงศ์-ยาไน, จิราภรณ์ วงศ์ใหญ่, ศุภเลิศ เนตรสุวรรณ. ลักษณะและผลการรักษาผู้ป่วยวัณโรคจากเรือนจำ และผู้ป่วยวัณโรคทั่วไปในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข 2560; 11(2): 277-85.
8. เจริญศรี แซ่ตั้ง. การประเมินมาตรฐานและการดูแลรักษาวัณโรค ในเรือนจำ (QTBP) ปีงบประมาณ 2560. วารสารควบคุมโรค 2560; 43(4): 436-47.
9. ภิรมย์ กมลรัตนกุล. รูปแบบการควบคุมวัณโรคในเรือนจำของประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2544.
10. World Health Organization. Systematic screening for active tuberculosis: An operational guide. Geneva: World Health Organization; 2015.
11. สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธ์. รูปแบบการเฝ้าระวังและควบคุมวัณโรคในเขตเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2560; 26(2): 571-8.