ความเหมาะสมของการรายงานโดยผู้ป่วยและผู้ดูแลในการวัดค่าอรรถประโยชน์ ด้านสุขภาพในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งชาวไทย

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

ที่มาและความสำคัญ แบบสอบถาม EQ-5D-Y-3L เป็นเครื่องมือสำหรับประเมินค่าอรรถประโยชน์ด้านสุขภาพในประชากรเด็ก เพื่อการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาที่ประเมินความสอดคล้องและความเหมาะสมในการเลือกใช้ฉบับที่ผู้ป่วยและผู้ดูแลตอบในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งในประเทศไทย วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสอดคล้องและความเหมาะสมในการเลือกใช้แบบสอบถาม EQ-5D-Y-3L ฉบับที่ผู้ป่วยตอบหรือผู้ดูแลตอบ และเพื่อประเมินความตรงจากการเทียบกับกลุ่มที่รู้ตามระดับสมรรถภาพการทำกิจวัตรประจำวัน โดยพิจารณาร่วมกับค่า ceiling และ floor effect แนวทางและวิธีการ งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์ที่จุดเวลาใดเวลาหนึ่งในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งชาวไทยอายุ 8 ปีขึ้นไป และผู้ดูแล จำนวน 109 คู่ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน พ.ศ. 2568 โดยประเมินความสอดคล้องของค่าอรรถประโยชน์ด้านสุขภาพที่ได้จากแบบสอบถาม EQ-5D-Y-3L ทั้งฉบับที่ผู้ป่วยตอบและฉบับตัวแทนที่ผู้ดูแลตอบ (proxy version 1) พร้อมวิเคราะห์ความตรงเชิงกลุ่มที่รู้ โดยพิจารณาร่วมกับค่า ceiling และ floor effect ผลลัพธ์ ค่า EQ-5D-Y-3L โดยรวมมีความสอดคล้องในระดับปานกลาง (ICC = 0.52) โดยกลุ่มเด็กอายุ 8–11 ปีมีความสอดคล้องสูงกว่า (ICC = 0.68) เมื่อเทียบกับกลุ่มอายุ 12–17 ปี (ICC = 0.35) มิติการเคลื่อนไหวและการดูแลตนเองมีความสอดคล้องในระดับปานกลาง โดยมีค่า weighted kappa เท่ากับ 0.52 และ 0.58 ตามลำดับ ขณะที่มิติอื่น ๆ และค่า EQ-VAS มีความสอดคล้องในระดับต่ำ นอกจากนี้ พบว่า effect size มีขนาดใหญ่ ในการวิเคราะห์ความตรงเชิงกลุ่มรู้ตามระดับคะแนน ECOG โดยเฉพาะในฉบับที่ผู้ดูแลตอบ ซึ่งให้ค่าที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าฉบับผู้ป่วยตอบ และมีค่า ceiling effect ต่ำกว่าในทุกช่วงอายุ สรุป: แบบสอบถาม EQ-5D-Y-3L ฉบับที่ผู้ดูแลตอบมีความเหมาะสมในการประเมินค่าอรรถประโยชน์ด้านสุขภาพในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งชาวไทย โดยแสดงค่า effect size ที่สูงกว่าในการวิเคราะห์ความตรงเชิงกลุ่มรู้ตามระดับคะแนน ECOG และมีค่า ceiling effect ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับฉบับที่ผู้ป่วยตอบด้วยตนเอง