การศึกษาการลด Crossmatch ในการจองเลือดของผู้ป่วยสูติ-นรีเวช

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ: จากการศึกษาระบาดวิทยา พบว่ามารดาระหวังครรภ์และคลอด ตลอดจนทารกในครรภ์และแรกคลอด มีโอกาสเสี่ยงตายไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงมีแนวคิดว่า ถ้าสามกรถเลือกหาผู้ที่มีเกณฑ์เสียงได้แต่เนิ่นๆแล้วให้การดูแลเป็นพิเศษอย่างพอเพียงและทั่วถึง เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพ การให้เลือดและการบริการธนาคารเลือดที่ดี แพทย์ที่มีความรู้ทางสูติศาสตร์มากขึ้น มีความปลอดภัยในการผ่าตัดคลอด เป็นต้น ก็สามารถลดอัตราการตายและกาวะแทรกช้อนของมารดาและหารกลงได้ กลุ่มงานสูติ-นรึเวชกรรม โรงพยาบาลอุทัยธานี มีเกณฑ์การประเมินความเสียงแรกรับ และเกณฑ์ในการจองเลือดสำหรับ
ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต้องให้เลือด ในปี พ.ศ 2542 ผู้ป่วยสูติ นรีเวชที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลอุทัยธานี แพทย์ใต้วินัยว่า มีความเสี่ยงที่จะต้องให้เลือด จำนวน 722 ราย งานธนาคารเลือดได้เตรียมเลือดให้กับผู้ป่วย 1,043 หน่วย มีผู้ป่วยใช้เลือด จำนวน 30 ราย (4.1%) เลือด 49 หน่วย (4.7%) ซึ่งการเตรียมเลือดสูงแต่มีเปอร์เซ็นต์การให้เลือดน้อย กลุ่มงานสูติ-นรีเวชกรรม และงานธนาคารเลือดจึงได้ร่วมกันกำหนดขั้นตอนการจองเลือดสำหรับผู้ป่วยสูติ-นรีเวช ซึ่งแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่ไม่มีความเสียงต้องให้ลือดและไม่ต้องการเลือด กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยที่มีความเสียงทำสามารถรอ crossmatchได้ ธนาคารเลือดจะทำการตรวจหาหมูโลหิตระบบ ABO Rh และ Ab screening เตรียมไว้ และกลุ่มที่ 3 ผู้ป่วยที่มีความเสียงสูงต้องให้เลือด ธนาคารเลือดจะ crossmatch เตรียมเลือดไว้ ในปี พ.ศ 2543 มีผู้ป่วยที่มีความเสียงสูงต้องให้เลือดจองเลือด จำนวน 214 ราย (เตรียมเลือด 448 หน่วย) มีผู้ป่วยให้เลือด 11 ราย (เลือด 16 หน่วย) คิดเป็นร้อยละ 5.1 และผู้ป่วยที่เพย์ระบุรอ crossmatch จำนวน 516 ราย มีผู้ป่วยให้เลือด จำนวนวน 4 ราย (เลือด 7 หน่วย) คิดเป็นละ 0.8 โดยเป็นผู้ป่วยที่ให้เลือดแบบ crossmatch ครบขั้นตอน 1 ราย (เลือด 1 หน่วย) และผู้ป่วยที่ต้องให้เลือดด่วน (crossmatch ขั้น RT)จำนวน 3 ราย
(เลือด 6 หน่วย) ซึ่งไม่พบปัญหาการให้เลือดจากการรอ crossmatob และปฏิกิริยาหลังการให้เลือด จากผลของการศึกษาพบว่าท่าให้ลดการ crossmatch เลือดให้กับผู้ป่วยกลุ่มความเสียงตำลง จำนวน 512 ราย (เลือด 1,025 หน่วย) ซึ่งทำให้ลดปริมาณงานที่เกินความจำเป็น เจ้าหน้าที่มีเวลานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้เลือดที่มีคณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย และประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งของโรงพยาบาลและของผู้ป่วย