Laboratory Identification of Lupus Anticoagulants in Thai Patients

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ: Lupus anticoagulants (LA) เป็นกลุ่มของแอนติบอดี้ที่มีความหลากหลายและเกิดขึ้นมาในภายหลัง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ clotting time จาก phospholipid-dependent coagulation tests ยาวผิดปกติ เนื่องจากความหลากหลายของ LA รวมทั้งการใช้น้ำยาและการทดสอบที่แตกต่างกัน ทำให้การวินิจฉัย LA มีความผันแปรจากห้องปฏิบัติการหนึ่งสู่อีกห้องห้องปฏิบัติการหนึ่ง เพื่อศึกษารูปแบบของ LA positivity ใน coagulation tests ที่แตกต่างกันและอุบัติการณ์ของแอนติบอดี้ในตัวอย่างเลือดที่ต้องการตรวจหา LA ที่ส่งมายังห้องปฏิบัติการของหน่วยโลโลหิตวิทยาภาควิชาอายุรศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงทำการศึกษาตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยจำนวน 278 รายที่ส่งมาตราจหา LA หลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยคือมือมีความผิดปกติของ screening tests อย่างน้อยหนึ่งอย่าง มีข้อบ่งชี้ว่ามี inhibitor จาก mixing studies และมีข้อบ่งชี้ว่า inhibitor นั้นเป็น phospholipid-dependent โดย screening tests จะประกอบด้วย activated partial thrombolastin time (APTT), kaolin clotting time (KCT), dute activated thromboplastin time (dAPTTT) uae dilute Russell's viper venom time (dRVVT) screening tests ผิดปกติจึงจะทำ mixing study ถ้าค่าที่ผิดปกติของ screening tests กลับมาปกติใน immediate mixing study จะท่า time-dependent mixing study ต่อ จะฟ้องมี mixing study 1อง abnormal screening test อย่างน้อยหนึ่งอย่างผิดปกติเพื่อยืนยันว่ามี inhibitor ส่วน confimatory tests ประกอบ platelet neutralization procedure (PNP) และ tissue thromboplastin time (TTIT) จากผลการทดลองในผู้ป่วย 278 คนพบว่ามี LA 12 คน (ร้อยละ 4.3) อุบัติการณ์เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 9.5 (12/126) ในผู้ป่วยที่มีอาการทางคลินิกน่าจะมี LA ใน screening dAPTT, APTT, KCT และ dRVVT พบความผิดปกติ 12/12 (ร้อยละ 100), 11/12 (ร้อยละ 91.7), 10/12 (ร้อยละ 83.3) และ
9/12 ราย (ร้อยละ 75.0) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม immediate 1:1 mixing study ของ screening tests ที่กล่าวมาแล้วผิดปกติเพียง 8/12 (ร้อยละ 66.7), 9/11 (ร้อยละ 81.8), 6/10 (ร้อยละ 60) และ 6/9 ราย (ร้อยละ 66.7) ตามลำดับ  ส่วน time-dependent mixixing study แสดงผลผิดปกติอย่างละ 1 รายใน dAPTT และ dRVVT ส่าหรับ confirmatory tests Wirn PNP-APTT, PNP-dRVVT และ TITT ให้ผลผิดปกติ 8/11 (ร้อยละ 72.7), 8/9 (ร้อยละ
88.9), 11/11 ราย (ร้อยละ 100) ตามลำดับ อุบัติการณ์ของ LA ในผู้ป่วยไทยที่ศึกษากลุ่มนี้ค่อนข้างต่ำ จากการศึกษาในครั้งนี้การทดสอบที่มีความไวมากที่สุดของ screening tests คือ dAPTT ขณะที่ TTIT เป็นการทดสอบที่ไว้ที่สุดของ confirmatory tests ประมาณร้อยละ 10 ของ LA ทีพบในคนไข้กลุ่มนี้จะแสดงความผิดปกติออกมาต่อเมื่อเมื่อใช้เวลาในการทำปฏิกิริยานานขึ้น (time-dependent) การศึกษาในครั้งนี้ยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องการการทดสอบที่หลากหลายสำหรับการตรวจหา LA