Post-donation SARS-CoV-2 identification among Thai blood donors

Abstract

Abstract:

Introduction:  Asymptomatic and mildly symptomatic individuals with COVID-19 may inadvertently donate blood because the COVID-19 screening test is not a prerequisite for blood donation.  Although previous studies suggested that the risk of transfusion-transmitted COVID-19 is minimal, monitoring and evaluating the likelihood of SARS-CoV-2 transmission from transfusion remain important. Objective: To determine the potential risk of transfusion-transmitted SARS-CoV-2 infection. Materials and Methods:  During the peak circulation of the SARS-CoV-2 Delta variant in Thailand from April to December 2021, the National Blood Centre collected blood from 448,025 donors; 158 donors (0.035%) self-reported a COVID-19 positive diagnosis either by the antigen test kit or by PCR within 7 days post-donation.  Only 88 donor plasma samples available for testing were subjected to viral RNA detection by using the COBAS SARS-CoV-2 RNA assay.  Further confirmatory testing of the positive samples with additional real-time reverse-transcription polymerase chain reaction (rRT-PCR) for the viral genome and sub-genome was performed. Results:  One sample consistently tested positive for the ORF1a/b and the E gene on the COBAS, while four other samples were positive for either gene.  All five samples (from donors 27-60 years of age) were negative upon re-testing with other assays for the viral genome and sub-genome.  Two patients were uneventfully transfused with the blood components derived from this donor. Conclusion: Available data to date, including our study, suggested that SARS-CoV-2 transmission through transfusion was unlikely.

บทคัดย่อ

บทนำ  ผู้ป่วยโรคโควิด-19 บางรายอาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยจึงทำให้ไม่ทราบว่าตนติดเชื้อและสามารถผ่านเข้าสู่กระบวนการบริจาคโลหิตได้ ซึ่งในปัจจุบันการตรวจคัดกรองการติดเชื้อก่อโรคโควิด 19 มิได้เป็นข้อกำหนดที่ต้องตรวจก่อนการบริจาคโลหิต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการศึกษาก่อนหน้านี้จะพบว่าความเสี่ยงของการติดเชื้อก่อโรคโควิด-19 ผ่านทางการให้เลือดจะมีน้อยมาก แต่การติดตามเฝ้าระวังและการประเมินความเสี่ยงของการติดเชื้อ SARS-CoV-2 ผ่านทางการให้เลือดยังคงมีความสำคัญต่องานบริการโลหิต วัตถุประสงค์  เพื่อศึกษาการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ทางการให้เลือดในผู้บริจาคโลหิตคนไทย วัสดุและวิธีการ  ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงธันวาคม พ.ศ. 2564 เป็นช่วงที่พบการระบาดของเชื้อ SARS-CoV-2 สายพันธุ์เดลต้า มีผู้บริจาคโลหิต ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จำนวน 448,025 ราย ในจำนวนนี้มีผู้บริจาคโลหิต 158 ราย (0.035%) ได้รายงานผลการตรวจติดเชื้อ SARS-CoV-2 กลับมายังศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ซึ่งเป็นการตรวจด้วยชุดตรวจแอนติเจนหรือการตรวจเชื้อด้วยวิธีพีซีอาร์ ภายใน 7 วันหลังบริจาคโลหิต โดยมีพลาสมาของผู้บริจาคโลหิต จำนวน 88 ตัวอย่างเท่านั้น ที่ได้นำไปทดสอบเพื่อตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 ด้วยเครื่องตรวจอัตโนมัติ COBAS system นอกจากนี้ตัวอย่างที่ให้ผลตรวจเป็นบวกได้นำไปทดสอบด้วยวิธี real-time reverse-transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) สำหรับตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 ทั้ง genome และ sub-genome เพื่อเป็นการตรวจยืนยันการพบเชื้อ  ผลการศึกษา พบว่ามี 5 ตัวอย่างที่พบผลบวกต่อการตรวจหา RNA ของเชื้อ SARS-CoV-2 ด้วยเครื่องตรวจอัตโนมัติ COBAS system  ซึ่งทั้งหมดเป็นตัวอย่างจากผู้บริจาคโลหิตที่อยู่ในช่วงอายุ 27 ถึง 60 ปี ทั้งนี้มี 1 ตัวอย่างที่ยังคงตรวจพบชิ้นส่วนของทั้งยีน ORF1a/b และ E ของเชื้อ SARS-CoV-2 ส่วนอีก 4 ตัวอย่างที่เหลือพบเพียงยีนใดยีนหนึ่งของเชื้อ SARS-CoV-2 และเมื่อทำการทดสอบซ้ำพบว่าให้ผลเป็นลบ ทั้ง 5 ตัวอย่าง ให้ผลเป็นลบด้วยวิธี real-time RT-PCR สำหรับตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสทั้ง genome และ sub-genome และเมื่อติดตามไปยังผู้ป่วยที่รับเลือดจากตัวอย่างที่ให้ผลบวกนั้นพบว่ามีผู้ป่วยสองรายที่ได้รับส่วนประกอบของเลือดจากผู้บริจาคโลหิตรายนี้แต่ไม่พบอาการของโรคโควิด-19 หลังการรับเลือด  สรุป  เท่าที่มีการศึกษาจนถึงปัจจุบันนี้รวมถึงการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ายังไม่พบรายงานการติดเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ผ่านทางการให้เลือด