การทดสอบแอนติเจน C, E, c, e และ Mia บนเม็ดเลือดแดง โดยใช้เครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติ Ortho Vision Max ในผู้บริจาคโลหิตของภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จังหวัดชลบุรี

Abstract

บทคัดย่อ

บทนำ  แอนติเจน C, E, c, e และ Mi^a จัดเป็นแอนติเจนที่สำคัญทางคลินิก ซึ่งพบว่าผู้ป่วยจะสร้างแอนติบอดีต่อแอนติเจนเหล่านี้ได้บ่อยในคนไทย สามารถทำให้เกิด hemolytic transfusion reaction และ hemolytic disease of the fetus and newborn ได้  วัตถุประสงค์  เพื่อทดสอบการใช้น้ำยาของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และบริษัทต่างๆ ในการทดสอบแอนติเจน C, E, c, e และ Mi^a ในผู้บริจาคโลหิตของภาคบริการโลหิตแห่งชาติที่ 3 จังหวัดชลบุรี เพื่อช่วยในการลดค่าใช้จ่าย  วัสดุและวิธีการ  ทดสอบหา dilution ของแอนติซีรัมในการทดสอบแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดง C, E, c, e และ Mi^a โดยใช้น้ำยาของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และของบริษัท Ortho Clinical Diagnostic, Switzerland ทำการทดสอบด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติ Ortho Vision Max และวิเคราะห์ความถี่ของแอนติเจนที่ตรวจตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2564 ถึงกันยายน พ.ศ. 2565 จำนวน 8,565 ราย  ผลการศึกษา  น้ำยาแอนติซีรัมของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย และของบริษัท Ortho Clinical Diagnostic สามารถเจือจางเพื่อใช้ทดสอบแอนติเจน C, E, c, e และ Mi^a  ด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติ Ortho Vision Max และให้ผลได้ถูกต้อง สามารถประหยัดต้นทุนในการทดสอบได้ 3 เท่า  นอกจากนี้ การศึกษาในผู้บริจาคโลหิต จำนวน 8,565 ราย พบฟีโนไทป์ในระบบ Rh ชนิด (C+E-c-e+) ร้อยละ 56.53,  (C+E-c+e+) ร้อยละ 8.93,  (C+E+c+e+) ร้อยละ 24.45,  (C+E+c-e+) ร้อยละ 3.71,  (C-E+c+e-) ร้อยละ 2.80,  (C-E+c+e+) ร้อยละ 2.16,  (C+E+c+e-) ร้อยละ 0.63,  (C-E-c+e+) ร้อยละ 0.62 และ (C+E+c-e-) ร้อยละ 0.16   รวมทั้งพบ Mi(a+) และ Mi(a-) ร้อยละ 12.98, 87.02 ตามลำดับ  สรุป การใช้น้ำยาของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ในการทดสอบแอนติเจนด้วยเครื่องตรวจวิเคราะห์อัตโนมัติพบว่าให้ผลถูกต้องทำให้สามารถลดต้นทุนการทดสอบได้มาก ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฟีโนไทป์ในระบบ Rh และแอนติเจน Mi^a ในภูมิภาคตะวันออกสอดคล้องกับความถี่ของแอนติเจนในคนไทยภาคกลางที่เคยศึกษามาก่อนหน้านี้

Abstract:

Introduction:  C, E, c, e and Mi^a antigens on red cells are clinically significant in Thai population which cause hemolytic transfusion reaction and hemolytic disease of fetus and newborn. Objective:  To optimize C, E, c, e and Mi^a phenotyping using automated analyzer to reduce expenses at Regional Blood Centre III, Chonburi province.  Materials and Methods: C, E, c, e and Mi^a phenotyping was performed using titrated reagents produced from National Blood Centre, Thai Red Cross Society and Ortho Clinical Diagnostic, Switzerland on Ortho Vision Max analyzer and the prevalence of antigen C, E, c, e and Mi^ain the eastern part of Thailand was assessed. Results: Our study showed that reagents produced from National Blood Centre, Thai Red Cross Society and Ortho Clinical Diagnostic can be diluted with a decrease in expenses per test using Ortho Vision Max, whereas, the accuracy of the results of phenotyping was not affected. Among 8,565 blood donors the prevalence of RhCE phenotypes were observed as  follows: 56.53% of (C+E-c-e+), 8.93% of (C+E-c+e+), 24.45% of (C+E+c+e+), 3.71% of (C+E+c-e+), 2.80% of (C-E+c+e-), 2.16% of (C-E+c+e+), 0.63% of (C+E+c+e-), 0.62% of (C-E-c+e+) and 0.16% of (C+E+c-e-). The prevalences of Mi(a+)  and  Mi(a-) were 12.98% and 87.02%, respectively. Conclusion: Under careful monitoring, using reagents produced from National Blood Centre, Thai Red Cross Society and company potentially decreases expenses of phenotyping. The prevalence of C, E, c, e and Mi^a phenotypes in the east part of Thailand are in accordance with previous study in which the prevalences of those phenotypes were evaluated in central Thailand.