ภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมียที่รับเลือดประจำ

ไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้ป่วยธาลัสซีเมีย

ผู้แต่ง

  • พงศ์ภัค พงศ์พิชชา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ https://orcid.org/0000-0003-2159-1965
  • อำไพวรรณ จวนสัมฤทธิ์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ https://orcid.org/0000-0003-1230-1591
  • เดือนธิดา ทรงเดช ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ https://orcid.org/0000-0002-5750-7211
  • ผกาวรรณ วงศ์วีระวัฒนกูร ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ https://orcid.org/0000-0003-1055-419X
  • ประกายวรรณ เกษเกษม ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ https://orcid.org/0000-0003-0216-1660
  • นงนุช สิระชัยนันท์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กรุงเทพฯ https://orcid.org/0000-0001-8039-5476

คำสำคัญ:

ไวรัสตับอักเสบ บี, โรคธาลัสซีเมียที่รับเลือดประจำ, การสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบ บี

บทคัดย่อ

ความเป็นมา ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียทีรับเลือดประจำมีโอกาสเสียงต่อภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แม้ว่าผู้ป่วยเด็กไทยทุกคนได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 และศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยได้เริ่มตรวจ individual nucleic acid test (NAT) ของไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้บริจาคเลือดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 วัตถุประสงค์ ศึกษาความชุกของภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมียทีรับเลือดประจำ วิธีการ ศึกษาย้อนหลังในผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงทีพึ่งพาการรับเลือดประจำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ถึง 2562 จำนวน 252 ราย ส่วนใหญ่เป็นโรคเบต้าธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบิน อี อายุเฉลียที่เริ่มรับเลือด (meangif.latex?\pmSD) เท่ากับ 1.8gif.latex?\pm1.6 ปี ระยะเวลาติดตามอย่างต่อเนืองเฉลี่ย (meangif.latex?\pmSD) เท่ากับ 8.0gif.latex?\pm5.3 ปี และได้มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการเกียวกับไวรัสตับอักเสบ บี ได้แก่ HBsAg, anti-HBs และ anti-HBc ก่อนเริ่มรับเลือดและติดตามระหว่างการรักษา ผลการศึกษา ผู้ป่วยทุกคนได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี ตามเกณฑ์กระทรวงสาธารณสุข และมีผลการตรวจ HBsAg เป็นลบ ในช่วงก่อนรับเลือดและระหว่างการรักษาเป็นประจำทุกปี ผู้ป่วย 156 ราย (61.9%) มีผลการตรวจ anti-HBs เป็นบวกก่อนเริ่มรับเลือดและผู้ป่วย 96 ราย (38.1%) ไม่มีภูมิต้านทานต่อไวรัสตับอักเสบ บี ปรากฏว่าผู้ป่วย 92 ราย (92/96 = 95.8%) ที่มีผลการตรวจ anti-HBs เป็นลบ มีการตอบสนองต่อวัคซีนกระตุ้นจำนวน 1-3 เข็ม และมีผู้ป่วย 4 ราย (4/96 = 4.2%) ทีมีผลการตรวจ anti-HBs เป็นลบ แต่ไม่ได้รับวัคซีนกระตุ้น ในระหว่างติดตามการรักษา ได้มีการตรวจ anti-HBc เพิ่มเติมในผู้ป่วย 183 ราย พบว่าผู้ป่วย 9 ราย (9/183 = 4.9%) มีผลตรวจ anti-HBc เป็นบวก ให้การวินิจฉัยว่ามีภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี มาก่อน 5 รายและสงสัยมีภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี (seroconversion) 4 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยทีมีผลการตรวจ anti-HBs เป็นลบแต่ไม่ได้รับวัคซีนกระตุ้นผู้ป่วยทั้ง 4 ราย เริ่มรับเลือดก่อนปี พ.ศ. 2551 อัตราการพบ seroconversion ในกลุ่มผู้ป่วยทีเริ่มรับเลือดก่อนปี พ.ศ. 2551 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการไม่พบ seroconversion ในกลุ่มผู้ป่วยทีเริ่มรับเลือดหลังปี พ.ศ. 2551 (p = 0.005) ซึ่งมีการตรวจ individual NAT ของไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้บริจาคเลือดและเมื่อนำมาคำนวณค่า relative risk เท่ากับ 0.94 โดย 95%CI เท่ากับ 0.87-0.99 สรุป การตรวจ individual NAT ของไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้บริจาคเลือดร่วมกับการให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ บี อย่างเหมาะสม จะช่วยลดความชุกของภาวะติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในผู้ป่วยเด็กโรคธาลัสซีเมียทีรับเลือดประจำ

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Wanachiwanawin W. Infections in E-β thalassemia. Pediatr Hematol Oncol. 2000;22:581-7.

Singh H, Pradhan M, Singh RL, Phadke S, Naik SR, Aggarwal R, et al. High frequency of hepatitis B virus infection in patients with β-thalassemia receiving multiple transfusions. Vox Sang. 2003;84:292-9.

Isarangkura P, Chiewsilp P, Tanprasert S, Nuchprayoon C. Transmission of HIV infection by seronegative blood in Thailand. J Med Assoc Thai. 1993;76(Suppl 2):106-13.

Nuchprayoon C. The Development of Transfusion Medicine, National Blood Centre, Thai Red Cross Society. J Hematol Transfus Med. 2020;30:3-5.

Wiwanitkit V. Anti HCV seroprevalence among the voluntary blood donors in Thailand. Hematology. 2005;10:431-3.

Busch M, Kleinman S. Report of the interorganizational task force on nucleic acid amplificationn testing of blood donors: Nucleic acid amplification testing of blood donorss for transfusion-transmitted infectious diseases. Transfusion. 2000;40:143-59.

Sakuldamrongpanich T, Oota S, Kramkratok P, Khuenkaew R, Rattajak P, Pheakkhuntod S. NAT screening for human immunodeficiency virus-1, hepatitis C virus and hepatitis B virus in blood donations at the National Blood Centre and Regional Blood Centre of the Thai Red Cross. J Hematol Transfus Med. 2012;22:93-100.

Mallat ME, Sharara AI. Treatment and prevention of hepatitis B and C in thalassemia. Hemoglobin. 2009;33(Suppl 1):S139-44.

Posuwan N, Wanlapakorn N, Sa-nguanmoo P, Wasitthankasem R, Vichaiwattana P, Klinfueng S, et al. The success of a universal hepatitis B immunization program as part of Thailand’s EPI after 22 years’ implementation. PloS One. 2016;11:e0150499.

Chongsrisawat V, Yoocharoen P, Theamboonlers A, Tharmaphornpilas P, Warinsathien P, Sinlaparatsamee S, et al. Hepatitis B seroprevalence in Thailand: 12 years after hepatitis B vaccine integration into the national expanded programme on immunization. Trop Med Int Health. 2006;11:1496-502.

Poovorawan Y, Theamboonlers A, Vimolket T, Sinlaparatsamee S, Chaiear K, Siraprapasiri T, et al. Impact of hepatitis B immunisation as part of the EPI. Vaccine. 2000;19:943-9

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-06-17

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ (Original article)