Self-care Behavior among Patients with Type 2 Diabetes Mellitus
Main Article Content
Abstract
Abstract
This research was the descriptive study aimed to study the self-care behavior of patients in type 2 diabetes patients (T2DM). Within 305 participants in type 2 diabetes patients (T2DM) who got health care service in DM clinic at out-patient department, Phrae Hospital, Phare province. A questionnaire consisted of two parts: 1) Socio-demographic data and health profile ; 2) The of patients with T2DM which consisted of 16 items. Data were analyzed using descriptive statistics.
Results showed that most of them were females with 61.64 % and aged more than 60 years with 55.08 %. Most patients (41.64 %) had obesity such as BMI >25 kg/m2; they had HbA1c > 7 percentage with 56.39 %. The overall score of Self-care Behavior was high (Mean=2.82, SD= .52. The important self-care behavior of the diabetes clients from the most to least were stress management, follow up visit, medication adherence, glucose management, physical activity, and diet control respectively. Conclusions: the health-care provider should find a new project or an activity promoting self-care behavior such as diet control, physical activity and blood sugar monitoring at home to improve glycemic control and mitigate the diabetic complications.
Downloads
Article Details
ประกาศเกี่ยวกับลิขสิทธิ์
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ ถือว่าเป็นผลงานทางวิชาการหรือการวิจัย และวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ หรือกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน |
นโยบายความเป็นส่วนตัว
ชื่อและที่อยู่ อีเมล์ ที่ระบุในวารสารโรคและภัยสุขภาพสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดนครสวรรค์ จะใช้เพื่อระบุตามวัตถุประสงค์ของวารสารเท่านั้น และจะไม่นำไปใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น หรือต่อบุคคลอื่น |
References
1.International Diabetes Federation. IDF Diabetes Atlas 8thedition. [Internet]. 2017. [cited 2019
October 1]; Available from: https://diabetesatlas.org/resources/2017-atlas.html
2.มันทนา ประทีปะเสน, เรวดี จงสุวัฒน์ และฉัตรนภา หัตถโกศล. ชุดความรู้เรื่องการบริโภคอาหาร
เกินสัดส่วน หวานเกิน มันเกิน เค็มเกิน. กรุงเทพ: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ; 2554.
3.World Health Organization. Global report on diabetes 2016. [Internet]. 2016. [cited 2019
October 7]; Available from: https://bit.ly/2MiG6hP.
3.กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. สถิติข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของสำนักโรคไม่ติดต่อจำนวนและ
อัตราตาย โรคไม่ติดต่อประจำปี 2558. [อินเตอร์เน็ต]. 2558. [เข้าถึงเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562]. เข้าถึงได้จาก :
https://bit.ly/2uWWfRN
4.สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. รายงานประจำปี 2558.
[อินเตอร์เน็ต]. 2558. [เข้าถึงเมื่อ 5 เมษายน 2561]. เข้าถึงได้จาก: ttp://thaincd.com/document/file/
download/paper-manual/Annual- report-2015.pdf
5.วิชัย เอกพลากร, วรรณี นิธิยานันท์, บัณฑิต ศรไพศาล, ปานเทพ คณานุรักษ์ และสำนักงานโรค
ไม่ติดต่อ. การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 5 (Thai National Health
Examination Surcey, NHES V). นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข, 2559.
6.ชัชลิต รัตรสาร. สถานการณ์ปัจจุบันและความร่วมมือเพื่อปฏิรูปการดูแลรักษาโรคเบาหวานในประเทศ
ไทย. [อินเตอร์เน็ต]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 7 ตุลาคม 2562]. เข้าถึงได้จาก: ttps://www.novonordisk.com
/... /Thailand%20Blueprint %20for%20Change_2017
7.พรทิพย์ มาลาธรรม, ปิยนันท์ พรหมคง และประคอง อินทรสมบัติ. ปัจจัยทำนายระดับน้ำตาลในเลือดของ
ผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน. Ramathibodi Nursing Journal 2010; 16(2): 218-237.
8.สมจิต หนุเจริญกุล. การดูแลตนเอง: ศาสตร์และศิลปะทางการพยาบาล (ฉบับปรับปรุงแก้ไข ครั้งที่ 1).
กรุงเทพ: วี.เจ.พริ้นติ้ง; 2540.
9.สุปรียา เสียงดัง. พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้.วารสารเครือข่าย
วิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2560; 4(1):191-204.
10.เจษฎากร โนอินทร์ ทิพย์วารี มีจันโท สุกัญญา กัญศรี และพิสิษฐ์ พูลประเสริฐ. พฤติกรรมการดูแลตนเอง
ของผู้ป่วยเบาหวาน ในเขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพลายชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก.
รายงานสืบเนื่องการประชุมสัมมนาวิชาการ การนำเสนอวิจัยระดับชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัย
ราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 17 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 21 กรกฎาคม
2560: หน้า 2651-2663.
11. อมรรัตน์ ภิรมย์ชมและอนงค์ หาญสกุล. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน
ชนิดที่ 2 ในอำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น 2554;
18(1): 3-10.
12.คลินิกเบาหวาน แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลแพร่. ข้อมูลผู้ป่วยเบาหวาน คลินิกเบาหวาน
โรงพยาบาลแพร่. แพร่: โรงพยาบาลแพร่; 2561. (เอกสารอัดสำเนา)
13.Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample size for research activities. Educational and
Psychological Measurement 1970; 30(3): 607-610.
14.Schmitt A, Gahr A, Hermanns N, Kulzer B, Huber J, Haak T. The Diabetes Self-management
questionnaire (DSMQ): development and evaluation of an instrument to assess diabetes-
care activities associated with glycemic control. Health and Quality of Life 2013;11(138): 1-14.
15.Sami W, Ansari T, Butt NS, Hamid MR. Effect of diet on type 2 mellitus: A review. International
Journal of Health Science 2017; 11(2): 65-71.
16.ศรินทิพย์ โกนสันเทียะ. (2554). คุณภาพชีวิตผู้ป่วยเบาหวานโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า
100 ปี เมืองยาง อำเภอเมืองยาง จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา;
17(1): 31-44.
17.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2561. [อินเตอร์เน็ต]. 2561.
[เข้าถึงเมื่อ 7 เมษายน 2562]. เข้าถึงได้จาก: https://phartrillion.com/allowance/
18.Kyrou I, Tsigos C. Obesity in the elderly diabetic patient. Diabetes Care 2009; 32 (Suppl 2):
S403-S409.
19.ตวงพร กตัญญุตานนท์, วัชนีย์ จันทร์ปัญญา, สุธีธิตา ปาเบ้า, เสาวณี เบ้าจังหาร, ธรพร น้อยเปรม, สาวิกา
พาลี และจันทร์เพ็ญ แสงขันธ์. พฤติกรรมดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง
สถานีอนามัยแห่งหนึ่ง ในตำบลบางเมือง จังหวัดสมุทรปราการ. สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่ง
ประเทศไทย 2560; 6(2): 53-62.