การศึกษาความคงตัวระยะยาวของตำรับยามอร์ฟินชนิดฉีด ที่ไม่มีสารกันเสีย
Main Article Content
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพื่อพัฒนาการตั้งตำรับยาฉีดมอร์ฟีนที่ไม่มีสารถนอม โดยใช้ฉีดเข้าไขสันหลังเพื่อระงับปวดสำหรับผู้ป่วยกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาฉีดที่มีสารถนอมได้ เริ่มต้นได้มีการทดสอบ เพื่อหาสารช่วยที่สามารถใช้ในตำรับจากการทดสอบและประเมินความคงตัวในระยะสั้นจำนวน 14 ตำรับ พบว่า ตำรับที่มีตัวยาสำคัญ น้ำ โซเดียมคลอไรด์ และปรับ pH ของตำรับให้ได้ประมาณ 4 มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาเตรียมตำรับยาและศึกษา ความคงตัวในระยะยาว จากนั้นจึงได้ตั้งตำรับยาฉีดมอร์ฟีนซัลเฟตจากปัจจัยดังกล่าวที่ความเข้มข้น 10 mg/ml ทั้งหมด 4 สูตรตำรับ โดยที่แต่ละสูตรตำรับ แบ่งเป็น 2 ตำรับที่ใส่ก๊าซไนโตรเจนและไม่ใส่ก๊าซไนโตรเจนในขั้นตอนก่อนปิดผนึกในแอมพูล สารละลายยาฉีดถูกบรรจุในแอมพูลสีชาขนาด 1 ml ซึ่งกรองปราศจากเชื้อด้วย membrane filter ขนาด 0.22 µm ภายใต้ laminar airflow hood ด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ เก็บตัวอย่างไว้ที่ 25 °C ความชื้นสัมพัทธ์ ร้อยละ 50 ทำการทดสอบความคงตัวทางกายภาพ เคมีและความปราศจากเชื้อเป็นช่วง ๆ เป็นระยะเวลา 12 เดือน พบว่าตำรับที่คงตัวดีที่สุดคือตำรับที่มีเฉพาะมอร์ฟีนและน้ำสำหรับเตรียมยาฉีด (Water for Injection) เป็นตัวทำ ละลาย โดยพบว่ามีตัวยาสำคัญคงเหลือร้อยละ 98 ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา อย่างไรก็ดีเมื่อเก็บไว้ 6 เดือน พบว่า ทุกตำรับมีการเปลี่ยนแปลงของสี และเกือบทุกตำรับมีการตรวจพบสารเสื่อมโดยเห็นได้จาก peak ของสารใน chromatogram ผลการทดลองที่น่าสนใจคือ ทุกตำรับที่เติมก๊าซไนโตรเจนลงในแอมพูลก่อนปิดผนึก มีความ คงตัวดีกว่าตำรับที่ไม่ได้เดิมก๊าซไนโตรเจน นอกจากนี้ยังพบว่า ตัวอย่างที่ศึกษาทั้งหมดมีความปราศจากเชื้อ ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม
Article Details
กรณีที่ใช้บางส่วนจากผลงานของผู้อื่น ผู้นิพนธ์ต้อง ยืนยันว่าได้รับการอนุญาต (permission) ให้ใช้ผลงานบางส่วนจากผู้นิพนธ์ต้นฉบับ (Original author) เรียบร้อยแล้ว และต้องแนบเอกสารหลักฐาน ว่าได้รับการอนุญาต (permission) ประกอบมาด้วย
เอกสารอ้างอิง
Anderson PO, Knoben JE, Troutman WG. 2002.Handbook of clinical drug data. 10th ed.,McGraw-Hill Medical Publishing Division.Connors KA, Amidon GL, Stella VJ. 1986.
Chemical stability of pharmaceuticals,2nd ed., Wiley-Interscience, New York. pp.374.
Gaudette KE, Weaver SJ. 2003. Intraspinaluse of morphine. Ann. Pharmacother. 37:1132-1135.
Gleditsch E, Waaler PJ. 2001. Acceleratedstability studies of morphine injectionsin plastic ampoules. Int. J. Pharm. 212:257-287.
Grom JA, Bander LC. 1995. Compoundingof preservative-free high-concentrationmorphine sulfate injection. Am. J. Health.Syst. Pharm. 52: 2125-2127.
Grouls RJE, Korsten EHM, Yaksh TL. 1999.Spinal drug delivery. In TL Yaksh,General considerations in theformulation of drug for spinal delivery.Elsevier, Netherlands. pp 371-394.
McQuay HJ. 1990. The logic of alternativeroutes. J. Pain and Symptom Manage.5: 75-77.
Plotkowiak Z, Popielarz-Brzezinska M, LuczakJ, et al. 2004. Quality assessment ofmorphine hydrochloride solutions. Acta.Pol. Pharm. 61: 103-106.
Portenoy RK. Adjuvant analgesics in painmanagement. 1993. In: Doyle D, HanksGWC, MacDonald N. Oxford textbookof palliative medicine. Oxford: OxfordUniversity Press. pp 187-203.
Preechagoon D, Sumyai V, Tontisirin K, et al.2005. Formulation development andstability testing of oral morphinesolutionutilizing preformulation approach.J. Pharm. Sci. 18: 362-369.
World Health Organization. Cancer pain relief,WHO, Geneva. 1986.