ความร่วมมือในการใช้ยาและพฤติกรรมทางเพศของผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ในยุคของการเข้าถึงการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์อย่างถ้วนหน้า
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ
บทนำ: จากนโยบายสนับสนุนยาต้านไวรัสเอดส์โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาได้มากขึ้น การศึกษานี้เป็นการศึกษาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความร่วมมือในการใช้ยาและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของผู้ป่วยในยุคที่ง่ายต่อการเข้าถึงการรักษาด้วยยา วิธีการ: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ สถิติเชิงพรรณนาที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติเชิงวิเคราะห์ ได้แก่ chi-square ,t-test และ logistic regression ผลการศึกษา: จากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 400 คน ในโรงพยาบาล 5 แห่งในจังหวัดตรัง พบว่าร้อยละ 87.3 ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ความร่วมมือในการใช้ยาต้านไวรัสเอดส์วัดโดยวิธีคำนวณจากเม็ดยาที่เหลือ และวิธี visual analoge acale (VAS) มีความร่วมมือในการรับประทานยาเฉลี่ย 97.1±4.2 และ 90.3±9.2 ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความร่วมมือในการใช้ยา ได้แก่ ขนาดของโรงพยาบาล (OR=3.31,95%CI: 1.89-5.76,p<0.001) การมาตามแพทย์นัด(OR=2.05, 95%CI: 1.13-3.71 ,p < 0.05) กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 69.8 ยังคงมีเพศสัมพันธ์หลังจากทราบว่าตนเองติดเชื้อ โดยร้อยละ 37.3 มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาโดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง คือ ระยะเวลาที่ใช้ยา (OR=1.01, 95%CI: 1.003-1.02,p<0.05) การเปิดเผยผลเลือดต่อคู่นอน(OR=3.92, 95%CI: 1.46-10.5,p<0.05) การทราบผลเลือดของคู่นอน (OR=0.33, 95%CI: 0.12-0.92,p<0.05) รวมถึงการให้ความร่วมมือในการรับประทานยามากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 95 (OR=4.78, 95%CI: 2.54-8.98,p<0.001) สรุปผล:การให้คำแนะนำเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องทำให้เข้มข้นในผู้ป่วยที่ได้รับยา โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความร่วมมือในการใช้ยาต่ำ เพื่อลดโอกาสของการแพร่เชื้อดื้อ
Article Details
In the case that some parts are used by others The author must Confirm that obtaining permission to use some of the original authors. And must attach evidence That the permission has been included