การพัฒนาตำรับยาฟูโรซีไมด์สำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
Main Article Content
Abstract
บทคัดย่อ
บทนำ: ฟูโรซีไมด์เป็นยาขับปัสสาวะกลุ่ม loop diuretics มีจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ด (40 และ 500 มิลลิกรัม) และยาฉีด (10 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร) ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้กับผู้ป่วยได้ทุกราย ทางโรงพยาบาลจึงเตรียมยาสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายขึ้น แต่ยาเตรียมมีอายุเพียง 1 เดือน ทำให้ผู้ป่วยต้องมารับยาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง การศึกษานี้มีจุดประสงค์เพื่อพัฒนายาเตรียมฟูโรซีไมด์สำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายแบบแยกผงยาและน้ำกระสายยา ที่ผู้ป่วยสามารถผสมได้เองที่บ้าน เพื่อให้ได้ตำรับที่มีความคงตัวดีทั้งทางกายภาพ เคมี และจุลชีววิทยา วัสดุและวิธีการทดลอง: ระยะที่ 1 เป็นการพัฒนาน้ำกระสายยา และทดสอบความคงตัวเพื่อคัดเลือกน้ำกระสายยา ระยะที่ 2 เป็นการทดสอบความคงตัวภายใต้สภาวะเหมือนกับการใช้งานจริง คือ ทดสอบความคงตัวของน้ำกระสายยาและผงยาที่แยกกันอยู่ และทดสอบความคงตัวของยาเตรียมที่ผสมแล้ว ผลการศึกษา: น้ำกระสายยาที่ประกอบด้วย โซเดียมคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส 0.7 % เป็นสารแขวนตะกอน และใช้ไดโซเดียมฟอสเฟตเป็นบัฟเฟอร์ จะทำให้ได้ยาเตรียมที่มีความคงตัวทางกายภาพดีที่สุด โดยพิจารณาจากค่าการกระจายตัว ความสามารถในการแขวนตะกอน และค่าพีเอชที่เหมาะสม (7.80 ± 0.06) จึงได้นำน้ำกระสายยาตำรับที่ 1 มาทดสอบในระยะที่ 2 เปรียบเทียบกับตำรับโรงพยาบาล โดยเก็บน้ำกระสายยาและผงยาไว้เป็นเวลา 90 วัน จากนั้นผสมเป็นยาเตรียมตั้งทิ้งไว้ 35 วัน พบว่า ยาเตรียมตำรับที่ 1 มีความสามารถในการแขวนตะกอนและการกระจายตัวที่ดีกว่า รวมถึงมีค่าพีเอชที่ใกล้เคียง 8.0 ส่วนปริมาณตัวยาสำคัญของยาเตรียมตำรับที่ 1 และยาเตรียมโรงพยาบาล จากการทดสอบด้วยเครื่อง HPLC ในวันที่ 35 พบว่า ไม่มีความแตกต่างกัน (89.97 และ 95.50 ตามลำดับ, P=0.27) และทั้ง 2 ตำรับ มีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์ต่ำกว่า 200 MPN/mL สรุปผล: น้ำกระสายยาและยาเตรียมตำรับที่พัฒนาขึ้น มีความคงตัวทางกายภาพ เคมี และจุลชีววิทยาที่ดี สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อทำให้ยาเตรียมที่ผลิตขึ้นมีความคงตัวที่ดีได้
Article Details
In the case that some parts are used by others The author must Confirm that obtaining permission to use some of the original authors. And must attach evidence That the permission has been included