การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรในประเทศไทยในการต้านเชื้อ Acinetobacter baumannii ที่ก่อให้เกิดโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
Main Article Content
Abstract
บทนำ: เชื้อ Acinetobacter baumannii (A. baumannii) เป็นเชื้อแบคที่เรียแกรมลบ ที่พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญชนิดหนึ่งของการติดเชื้อในโรงพยาบาลและสัมพันธ์กับอัตราการตายที่สูงขึ้น ปัจจุบันพบว่าเชื้อมีความไวต่อยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาลดลง สมุนไพรจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเพื่อนำมาพัฒนาเป็นยาที่ใช้ในการรักษา วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ เพื่อศึกษาถึงฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรที่สามารถต้านเชื้อ A. baumannii และ multi-drug resistant Acinetobacter baumannii (MDR- A. baumannii) วิธีการดำเนินการวิจัย: เก็บตัวอย่างเชื้อ A. baumannii จากผู้ป่วย ซึ่งแยกได้จาก เลือด หนอง และเสมหะ จำนวน 60 ตัวอย่าง ทำการคัดเลือกเชื้อ 7 สายพันธุ์ ประกอบด้วย 5 สายพันธุ์ที่เป็น MDR- A. baumannii และ 2 สายพันธุ์เป็น A. baumannii ซึ่งมีแบบแผนความไวของยาต้านจุลชีพที่แตกต่างกัน มาทำการทดสอบกับสารสกัดสมุนไพร 10 ชนิด เพื่อหาฤทธิ์ต้านเชื้อโดยใช้วิธีการแพร่ผ่านวุ้น (Agar well diffusion method) ในแต่ละหลุมใส่สารสกัดสมุนไพรความเข้มข้น 10 mg/ml ในตัวทำละลาย 10 % v/v dimethyl sulfoxide ปริมาตร 130 ไมโครลิตร จากนั้นนำไปบ่มที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส นาน 20-24 ชั่วโมง แล้ววัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของวงใสบนอาหารเลี้ยงเชื้อ บริเวณขอบหลุมสารสกัดสมุนไพร ผลการศึกษาวิจัย: สารสกัดฝางมีค่าขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขอบเขตการยับยั้งสูงสุดอยู่ระหว่าง 14-17 มิลลิเมตร รองลงมาคือ สารสกัดชา 11-14 มิลลิเมตร เทียบกับชุดควบคุมผลบวกคือ colistin sulfate ความเข้มข้น 0.07 µg/µl ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขอบเขตการยับยั้งอยู่ระหว่าง 13-17 มิลลิเมตร สรุปผลการวิจัย:สารสกัดของฝางมีฤทธิ์ดีที่สุดในการต้านเชื้อ A. baumannii และ MDR- A. baumannii ซึ่งถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีศักยภาพที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นยาที่ใช้ในการรักษาต่อไปได้ โดยเฉพาะในกลุ่มแบคทีเรียแกรมลบและมีการดื้อต่อยาต้านจุลชีพหลายชนิด
Article Details
In the case that some parts are used by others The author must Confirm that obtaining permission to use some of the original authors. And must attach evidence That the permission has been included