การพัฒนารูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชนการพัฒนารูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชนการพัฒนารูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชนอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนารูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชน โดยศึกษาระหว่างเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม พ.ศ. 2564 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 100 ราย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย 20 ราย 2) อาสาสมัครเยี่ยมบ้าน 30 ราย 3) แกนนำชุมชนหรือแกนนำด้านสุขภาพ 30 ราย และ 4) สมาชิกในครอบครัวผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย 20 ราย รวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลหลายวิธี
ผลการศึกษา พบว่า รูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายดำเนินการโดยดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินสภาพปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหา จัดอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำและอาสาสมัครเยี่ยมบ้านเพื่อสร้างความรู้ในการเฝ้าระวังการพยายามฆ่าตัวตายและการใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้าในการเยี่ยมผู้ที่มีประวัติฆ่าตัวตาย จัดอบรมให้ความรู้แก่ญาติหรือผู้ดูแลในการส่งเสริมการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แก่อาสาสมัครสุขภาพจิตเพื่อติดตามปัญหาอุปสรรคในการเยี่ยมบ้าน จัดทำเสียงตามสายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสัญญานเตือนและความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายในบ้านโดยกลุ่มแกนนำชุมชน จัดกระบวนการทำกลุ่มบำบัดระหว่างนัดรับยาโดยสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวมีโอกาสระบายความในใจและปัญหาที่พบในระหว่างอยู่ที่บ้าน ทำการประเมินภาวะซึมเศร้า ภายหลังจากดำเนินการตามรูปแบบพบว่า กลุ่มผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมีคะแนนการประเมินภาวะซึมเศร้า (9Q) ลดลง และสามารถหยุดการรักษาได้ 15 คน คิดเป็นร้อยละ 75 ดังนั้นรูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชน จะช่วยให้ไม่เกิดการพยายามฆ่าตัวตายซ้ำ และอาจนำไปประยุกต์ใช้สำหรับชุมชนอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันต่อไป
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนารูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชน โดยศึกษาระหว่างเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม พ.ศ. 2564 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 100 ราย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย 20 ราย 2) อาสาสมัครเยี่ยมบ้าน 30 ราย 3) แกนนำชุมชนหรือแกนนำด้านสุขภาพ 30 ราย และ 4) สมาชิกในครอบครัวผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย 20 ราย รวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลหลายวิธี
ผลการศึกษา พบว่า รูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายดำเนินการโดยดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินสภาพปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหา จัดอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำและอาสาสมัครเยี่ยมบ้านเพื่อสร้างความรู้ในการเฝ้าระวังการพยายามฆ่าตัวตายและการใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้าในการเยี่ยมผู้ที่มีประวัติฆ่าตัวตาย จัดอบรมให้ความรู้แก่ญาติหรือผู้ดูแลในการส่งเสริมการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แก่อาสาสมัครสุขภาพจิตเพื่อติดตามปัญหาอุปสรรคในการเยี่ยมบ้าน จัดทำเสียงตามสายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสัญญานเตือนและความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายในบ้านโดยกลุ่มแกนนำชุมชน จัดกระบวนการทำกลุ่มบำบัดระหว่างนัดรับยาโดยสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวมีโอกาสระบายความในใจและปัญหาที่พบในระหว่างอยู่ที่บ้าน ทำการประเมินภาวะซึมเศร้า ภายหลังจากดำเนินการตามรูปแบบพบว่า กลุ่มผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมีคะแนนการประเมินภาวะซึมเศร้า (9Q) ลดลง และสามารถหยุดการรักษาได้ 15 คน คิดเป็นร้อยละ 75 ดังนั้นรูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชน จะช่วยให้ไม่เกิดการพยายามฆ่าตัวตายซ้ำ และอาจนำไปประยุกต์ใช้สำหรับชุมชนอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันต่อไป
คำสำคัญ: รูปแบบการป้องกัน, การพยายามฆ่าตัวตาย
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนารูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชน โดยศึกษาระหว่างเดือน มกราคม ถึง ธันวาคม พ.ศ. 2564 คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 100 ราย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตาย 20 ราย 2) อาสาสมัครเยี่ยมบ้าน 30 ราย 3) แกนนำชุมชนหรือแกนนำด้านสุขภาพ 30 ราย และ 4) สมาชิกในครอบครัวผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย 20 ราย รวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลหลายวิธี
ผลการศึกษา พบว่า รูปแบบการป้องกันการฆ่าตัวตายดำเนินการโดยดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์และประเมินสภาพปัญหาและหาแนวทางการแก้ไขปัญหา จัดอบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำและอาสาสมัครเยี่ยมบ้านเพื่อสร้างความรู้ในการเฝ้าระวังการพยายามฆ่าตัวตายและการใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้าในการเยี่ยมผู้ที่มีประวัติฆ่าตัวตาย จัดอบรมให้ความรู้แก่ญาติหรือผู้ดูแลในการส่งเสริมการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้แก่อาสาสมัครสุขภาพจิตเพื่อติดตามปัญหาอุปสรรคในการเยี่ยมบ้าน จัดทำเสียงตามสายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสัญญานเตือนและความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายในบ้านโดยกลุ่มแกนนำชุมชน จัดกระบวนการทำกลุ่มบำบัดระหว่างนัดรับยาโดยสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวมีโอกาสระบายความในใจและปัญหาที่พบในระหว่างอยู่ที่บ้าน ทำการประเมินภาวะซึมเศร้า ภายหลังจากดำเนินการตามรูปแบบพบว่า กลุ่มผู้ที่มีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมีคะแนนการประเมินภาวะซึมเศร้า (9Q) ลดลง และสามารถหยุดการรักษาได้ 15 คน คิดเป็นร้อยละ 75 ดังนั้นรูปแบบการป้องกันการพยายามฆ่าตัวตายในชุมชน จะช่วยให้ไม่เกิดการพยายามฆ่าตัวตายซ้ำ และอาจนำไปประยุกต์ใช้สำหรับชุมชนอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันต่อไป
คำสำคัญ: รูปแบบการป้องกัน, การพยายามฆ่าตัวตาย
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความหลังผ่านการปรับแก้จากกองบรรณาธิการแล้ว เป็นลิขสิทธ์ของวารสารจิตเวชวิทยาสาร โรงพยาบาลสวนปรุง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ห้ามเผยแพร่เพื่อประโยชน์ทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่อนุญาตให้เผยแพร่บทความดังกล่าวเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ประชาชนทั่วไป ทั้งนี้กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับบทความหรือข้อคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในวารสารสวนปรุง
เอกสารอ้างอิง
Coordinating Committee for Public Health in Hod district. Annual report of Chiang Mai. Chiang Mai: Public Health in Hod District; 2020. (in Thai)
Mental health work. Annual report of mental health in Hod Hospital, Hod District. Chiang Mai: Hod Hospital; 2020. (in Thai)
Saenjairak K. The moment of suicide: a phenomenological study of the suicide attempters [Thesis]. Bangkok: Chulalongkorn University; 2009. (in Thai)
Kotcharaksa N, Inchaithep S. Development of attempted suicide prevention model by community participation process Lampang Province. RTNNMD journal 2020;47(2):447-63. (in Thai)
Phonmeesak J, Pansila W, Phakanon P. Developing a model of participation in surveillance and care for people with depression and suicide risk in case study of Ban Tap Tao, Nam Kham Yai Subdistrict, Mueang District, Yasothon Province. Mahasarakham Hospital Journal 2015;2(1):31-40. (in Thai)
Phutchong C, Yothasamut J, Jaroenchookiatkij W, Tosanguan K, Khampang R, Teerawattananon K, et al. Development and evaluation of communication interventions to prevent suicidal attempts; Phrase l. Nonthaburi: Health Intervention and Technology Assessment Program (HITAP); 2011. (in Thai)
Prateeptheeranan W. Suicide rate and factors related to suicidal behavior at Chao Phraya Yommarat Hospital in Suphanburi Province. JPNMH 2014;28(3):90-103. (in Thai)
Penglia Y, Tippunya S, Puksorn K, Likasitdamrongkul W, Thanee S, Luprasong S. Application of community participatory programs for suicide prevention: a case study at Jarim Sub-district, Tha-Pla District, Uttaradit Province. J Ment Health Thai 2018;26(3):184-96. (in Thai)
Pattamawerin R. Suicide: the social and cultural phenomena [Internet]. 2009 [cited 2021 Oct 14]. Available from https://so03.tci-thaijo.org/index.php/eJHUSO/article/view/8587
Charoensri H, Khiewyoo J. Suicide risk prevalence and factors related to suicidal risk among people in Ban Tak District, Tak Province. KKU Research Journal 2017;17(3):77-93. (in Thai)
Malarut W, Chiamdhamrus O, Lhomsri C, Promsena S, Eiwpa S, Kajai K. Study report: the suicide problem in the community of Chiang Rai Province. Chiang Rai: Mental Health Center 10; 2014. (in Thai)