ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ในพนักงานโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • ศันสนีย์ รัตนวราหะ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
  • กชกร ธรรมนำศีล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

คำสำคัญ:

ความเสี่ยง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, ความเครียด, พฤติกรรมสุขภาพ

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในพนักงานโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร จำนวน 261 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เก็บข้อมูลด้วยเครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามด้านพฤติกรรม แบบประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า (Thai CV risk score) ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือได้ค่า (IOC) อยู่ในช่วง 0.80-1.0 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา เช่น จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (2) สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การหาสหสัมพันธ์เพียร์สัน และสหสัมพันธ์ของสเปียร์แมน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 34.37±9.26 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 78.9) สถานะโสด (ร้อยละ 65.9) การศึกษาปริญญาตรี (ร้อยละ 54.8) และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 20,000 บาท (ร้อยละ 54.0) ดัชนีมวลกาย เฉลี่ย 24.21 กก./ม2 ดัชนีมวลกายปกติ (ร้อยละ 37.5) ส่วนด้านพฤติกรรม พบว่าส่วนใหญ่ไม่ออกกำลังกาย (ร้อยละ 44.4) ความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง (ร้อยละ 62.8) และนอนเฉลี่ย 5-6 ชั่วโมงต่อคืน (ร้อยละ 59.8) ส่วนผลการประเมินความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดของกลุ่มตัวอย่าง พบว่ามีความเสี่ยงในระดับตํ่า (ร้อยละ 99.23) ในขณะที่การศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด พบปัจจัยด้านต่าง ๆ ดังนี้ อายุ (r=0.698, p<0.001) ระดับการศึกษา (r=0.315, p<0.001) โรคความดันโลหิตสูง (r=0.371, p<0.001) โรคไขมันในเลือด (r=0.261, p<0.001) ค่าคอเลสเตอรอล (r=0.168, p=0.006) ความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัว (r=0.399, p<0.001) และหากสมาชิกในครอบครัวป่วยด้วยโรคหัวใจ/หลอดเลือด/สมอง (r=0.357, p=0.011) สัมพันธ์กับระดับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนปัจจัยด้านพฤติกรรมไม่มีความสัมพันธ์กับระดับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

เอกสารอ้างอิง

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2567). ข้อมูลสถิติการตายและการป่วยโรคไม่ติดต่อ จำนวนและอัตราตายด้วย 5 โรคไม่ติดต่อ ปี 2561-2565. สืบค้นจาก https://www.ddc.moph.go.th/dncd/news.php?news=39911

ชัยสิทธิ์ เรืองโรจน์. (2566). การศึกษาสถานการณ์ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้สูงอายุจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา, 3(1), 1-14.

รุ่งนภา ศิริพรไพบูลย์, และทวีศักดิ์ ศิริพรไพบูลย์. (2561). การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดด้วยแบบประเมิน Thai CV risk score ในบุคลากรสาธารณสุขอำเภอเมืองตาก. วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก, 5(1), 1-12.

วิภาวรรณ ศิริกังวานกุล, รัตน์ศิริ ทาโต, และระพิณ ผลสุข. (2560). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของกำลังพลกองทัพบก. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 29(2), 99-111.

ศรีพร รอดแก้ว, อรทัย นนทเภท, และเรวดี เพชรศิราสัณห์. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีมวลกายกับความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา, 32(2), 120-130.

Carey, R. M., Wright Jr, J. T., Taler, S. J., & Whelton, P. K. (2021). Guideline-driven management of hypertension: an evidencebased update. Circulation research, 128(7), 827-846. doi: 10.1161/CIRCRESAHA.121.318083

Chacko, M., Sarma, P. S., Harikrishnan, S., Zachariah, G., & Jeemon, P. (2020). Family history of cardiovascular disease and risk of premature coronary heart disease: A matched case-control study. Wellcome Open Research, 5, 70. doi: 10.12688/wellcomeopenres.15829.2

Dabrowska, E., & Narkiewicz, K. (2023). Hypertension and dyslipidemia: the two partners in endothelium-related crime. Current Atherosclerosis Reports, 25(9), 605-612. doi: 10.1007/s11883-023-01132-z

Ettehad, D., Emdin, C. A., Kiran, A., Anderson, S. G., Callender, T., Emberson, J., ... & Rahimi, K. (2016). Blood pressure lowering for prevention of cardiovascular disease and death: a systematic review and meta-analysis. The Lancet, 387(10022), 957-967. doi: 10.1016/S0140-6736(15)01225-8

Goh, L. H., Chong, B., van der Lubbe, S. C., Jayabaskaran, J., Nagarajan, S., Chia, J., ... & Ng, M. (2025). The epidemiology and burden of cardiovascular diseases in countries of the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN), 1990- 2021: findings from the Global Burden of Disease Study 2021. The Lancet Public Health, 10(6), e467-e479. doi: 10.1016/S2468-2667(25)00087-8

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607-610. doi: 10.1177/001316447003000308

Lwanga, S. K., & Lemeshow, S. (1991). Sample Size Determination in Health Studies. A Practical Manual. Retrieved from http://www.tbrieder.org/publications/books_english/lemeshow_samplesize.pdf

Magnani, J. W., Ning, H., Wilkins, J. T., Lloyd-Jones, D. M., & Allen, N. B. (2024). Educational attainment and lifetime risk of cardiovascular disease. JAMA cardiology, 9(1), 45-54. doi: 10.1001/jamacardio.2023.3990

Rittiphairoj, T., Bulstra, C., Ruampatana, C., Stavridou, M., Grewal, S., Reddy, C. L., & Atun, R. (2025). The economic burden of ischaemic heart diseases on health systems: a systematic review. BMJ global health, 10(2). e015043. doi: 10.1136/bmjgh-2024-015043

Sukontasarn, A., Chaiwong, W., Thepsen, K., Chomsang, P., Samranthin, M., Suwanjutah, T., ... & Kunanusont, C. (2021). Comparison of cardiovascular risk estimation tools in Thai hospital employees. The Bangkok Medical Journal, 17(2), 93-93. doi: 10.31524/bkkmedj.2021.21.001

Tangjitgamol, S., Udayachalerm, W., Panyarachun, S., Wanishsawad, C., Kaewwanna, W., & Manusirivithaya, S. (2024). The 10-year cardiovascular risk of physicians estimated by the Thai CV risk score and its association with current coronary artery disease: A retrospective study. Health Science Reports, 7(4), e2009. doi: 10.1002/hsr2.2009

Wang, D. D., Li, Y., Bhupathiraju, S. N., Rosner, B. A., Sun, Q., Giovannucci, E. L., ... & Hu, F. B. (2021). Fruit and vegetable intake and mortality: results from 2 prospective cohort studies of US men and women and a meta-analysis of 26 cohort studies. Circulation, 143(17), 1642-1654. doi: 10.1161/CIRCULATIONAHA.120.048996

Wanishsawad, C., Tangjitgamol, S., Udayachalerm, W., Bunsiricomchai, P., Panyarachun, S., Preeyanont, P., ... & Ativanichayapong, N. (2024). Coronary artery disease and other cardiovascular disorders among the physicians. Asian Cardiovascular and Thoracic Annals, 32(2-3), 97-106. doi: 10.1177/02184923231222662

World Stroke Organization. (2022). Stroke key global facts and figures. Retrieved from https://www.world-stroke.org

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-25

รูปแบบการอ้างอิง

รัตนวราหะ ศ., & ธรรมนำศีล ก. (2025). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ในพนักงานโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 11(2), 216–228. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/282827

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย