ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแลในจังหวัดอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
ผู้สูงอายุ, ผู้ดูแล, ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, แรงสนับสนุนทางสังคม, พฤติกรรมการดูแลสุขภาพบทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยลักษณะส่วนบุคคล ระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ ระดับแรงสนับสนุนทางสังคม และระดับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแลในจังหวัดอุบลราชธานี 2) ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแล กลุ่มตัวอย่าง คือ อาสาสมัครสาธารณสุขที่ดูแลผู้สูงอายุที่บ้านและชุมชน ในจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 532 คน ได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ที่ประกอบด้วยข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล ความรอบรู้ด้านสุขภาพ แรงสนับสนุนทางสังคม และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.98, 0.95 และ 0.98 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่า ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติการถดถอยโลจิสติกพหุคูณ โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการศึกษา พบว่า ผู้ดูแลส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 75.19 อายุเฉลี่ย 53.98 ปี ประสบการณ์การดูแลผู้สูงอายุเฉลี่ย 7.60 ปี ได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมโดยภาพรวมในระดับสูง ร้อยละ 87.03 มีระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพอยู่ในระดับเพียงพอ ร้อยละ 68.99 มีระดับพฤติกรรมการดูแลผู้สูงอายุอยู่ในระดับปฏิบัติได้ถูกต้องตามหลักวิชาการส่วนใหญ่ร้อยละ 87.03 และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแล ได้แก่ เพศหญิง (Adjusted OR = 3.58; 95% CI: 1.92 ถึง 6.68) ระดับแรงสนับสนุนทางสังคมจากบุคลากรทางการแพทย์ในระดับสูง (Adjusted OR = 8.70; 95% CI: 4.35 ถึง 17.37) และระดับความรอบรู้ด้านการประเมินข้อมูลการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระดับเพียงพอถึงดีเยี่ยม (Adjusted OR = 5.18; 95% CI: 2.39 ถึง 11.23) ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า เพศหญิง ความรอบรู้ด้านสุขภาพด้านการประเมินข้อมูลการดูแลสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคมจากบุคลากรทางการแพทย์มีความสำคัญต่อพฤติกรรมของผู้ดูแล และระดับคุณภาพการดูแลผู้สูงอายุ
เอกสารอ้างอิง
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2566). คู่มือผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง. สืบค้นจาก https://homecare.anamai.moph.go.th/th/doc2/223222#
กรมสุขภาพจิต. (2564). รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตของคนไทย. สืบค้นจาก https://dmh.go.th/report/dmh/rpt_year/dl.asp?id=462
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2565). ร้อยละของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้รับการดูแลตาม Care Plan. สืบค้นจาก http://dashboard.anamai.moph.go.th/dashboard/agedcareplan/index?year=2022
เจริญชัย หมื่นห่อ, และสุพรรณี พูลผล. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับบทบาทของผู้ดูแลในการดูแลผู้สูงอายุจังหวัดนครพนม. วารสารมหาวิทยาลัยนครพนม, 6(1), 79-86.
ชนายุส คำโสม, สุนีย์ ละกำปั่น, และเพลินพิศ บุณยมาลิก. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการปฏิบัติงานดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในระบบการดูแลระยะยาว จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 12(2), 193-207.
นงลักษณ์ พรหมติงการ, สุชาติ เครื่องชัย, สุดาวัลย์ สายสืบ, อภิรดี คำเงิน, และจุฑาทิพย์ เดชเดชะ. (2562). การดูแลผู้สูงอายุในระบบบริการสุขภาพจากมุมมองของผู้สูงอายุและครอบครัว. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการดูแลสุขภาพ, 23(1), 107-119.
นิชนันท์ สุวรรณกูฏ, สุวภัทร นักรู้กำพลพัฒน์, อมรรัตน์ นธะสนธิ์, และวุฒิชัย ลำดวน. (2564). ปัจจัยทำนายสมรรถนะในการดูแลผู้สูงอายุของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในจังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 23(2), 18-26.
นิรุวรรณ เทิร์นโบล์, วิลาวัณย์ ชาดา, วิพา ชุปวา, เสาวลักษณ์ ศรีดาเกษ, สุทิน ชนะบุญ, เบญจพล แสงไสว, ..., และนงค์ลักษณ์ ตั้งปรัชญากูล. (2563). ความสัมพันธ์ด้านความรู้ และทัศนคติต่อการปฏิบัติในการดูแลผู้สูงอายุของผู้ดูแล. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 14(3), 83-94.
วรวรรณ ชาญด้วยวิทย์ และยศ วัชระคุปต์ . (2560). ระบบประกันการดูแลระยะยาว: ระบบที่เหมาะสมกับประเทศไทย. สืบค้นจาก https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:275239
วรารัตน์ ทิพย์รัตน์, จรูญรัตน์ รอดเนียม, และพีรวิชญ์ สุวรรณเวลา. (2565). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ดูแล พฤติกรรมการป้องกันการพลัดตกหกล้ม และการทรงตัวของผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยง. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 14(3), 72-91.
วิสิฐศักดิ์ พิริยานนท์. (2564). การพัฒนาความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงของผู้ดูแลอำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิจัยและพัฒนาสุขภาพศรีสะเกษ, 2(ฉบับพิเศษ), 22-30.
ศักดิ์สิทธิ์ บ่อแก้ว. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติงานส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุของบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดสุโขทัย. วารสารวิชาการป้องกันควบคุมโรค สคร.2 พิษณุโลก, 7(2), 14-27.
ศิวพร ชุ่มเย็น และศิวิไลซ์ วนรันต์วิจิตร. (2566). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปฏิบัติตามบทบาทการทำงานของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง จังหวัดอุตรดิตถ์. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 34(1), 158-171.
ศิริลักษณ์ แก้วศรีวงค์, ณัฐพัชร์ บัวบุญ, จีราภรณ์ กรรมบุตร, และสุกัญญา พูลโพธิ์กลาง. (2566). ความรู้ ทัศนคติ แรงสนับสนุนทางสังคมและความสามารถในการดูแลของญาติผู้ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังในชุมชน. พยาบาลสารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 50(3), 84-98.
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 10 อุบลราชธานี. (2565). รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิง จังหวัดอุบลราชธานี ปี 2565. สืบค้นจาก https://ubon.nhso.go.th/starter/region/pop-age-dependency.php
สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง. (2565). จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565. สืบค้นจาก https://stat.bora.dopa.go.th/stat/pk/pk_65.pdf
สุชีลา ตันชัยนันท์. (2541). บทบาทชายหญิงกับการพัฒนา: บนเส้นทางขบวนการประชาสังคม. สืบค้นจาก https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:77894
สุวิมลรัตน์ รอบรู้เจน. (2559). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุของผู้ดูแลผู้สูงอายุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา, 17(2), 71-84.
Asian Development Bank. (2019). Key indicators for Asia and the Pacific 2019. Retrieved from https://www.adb.org/publications/key-indicators-asia-and-pacific-2019
Barutcu, C. D. (2019). Relationship between caregiver health literacy and caregiver burden. Puerto Rico Health Sciences Journal, 38(3), 163-169.
Best, J. W. (1981). Research in education (4th ed.). New Jersey: Prentice – Hall Inc.
Fields, B., Rodakowski, J., James, A. E., & Beach, S. (2018). Caregiver health literacy predicting healthcare communication and system navigation difficulty. Families, Systems, & Health, 36(4), 482-492. doi: 10.1037/fsh0000368
Hahn, E. A., Boileau, N. R., Hanks, R. A., Sander, A. M., Miner, J. A., & Carlozzi, N. E. (2020). Health literacy, health outcomes, and the caregiver role in traumatic brain injury. Rehabilitation Psychology, 65(4), 401-408. doi: 10.1037/rep0000330
Häikiö, K., Cloutier, D., & Rugkåsa, J. (2020). Is health literacy of family carers associated with carer burden, quality of life, and time spent on informal care for older persons living with dementia?. PloS one, 15(11), e0241982. doi: 10.1371/journal.pone.0241982
House, J. S. (1981). The nature of social support. In M. A. Reading (Ed.), Work stress and social support. Philadelphia: Addison- Wesley.
Hsieh, F. Y., Bloch, D. A., & Larsen, M. D. (1998). A simple method of sample size calculation for linear and logistic regression. Statistics in medicine, 17(14), 1623-1634. doi: (SICI)1097-0258(1998 0730)17:14<1623::AID-SIM871>3.0.CO;2-S
Huang, W., Bin, H. E., Wang, Y. H., Juan, W., & Jia, Z. H. O. U. (2020). Disability severity and home-based care quality in older adults: the mediating effects of social support and caregiver competence. Journal of Nursing Research, 28(6), e122. doi: 10.1097/jnr.0000000000000405
Jacobson, D. E. (1986). Types and timing of social support. Journal of health and Social Behavior, 27(3), 250-264. doi: 10.2307/2136745
Kim, M. Y., & Oh, S. (2020). Nurses’ perspectives on health education and health literacy of older patients. International journal of environmental research and public health, 17(18), 6455. doi: 10.3390/ijerph17186455
Lorini, C., Buscemi, P., Mossello, E., Schirripa, A., Giammarco, B., Rigon, L., ... & Bonaccorsi, G. (2023). Health literacy of informal caregivers of older adults with dementia: results from a cross-sectional study conducted in Florence (Italy). Aging Clinical and Experimental Research, 35(1), 61-71. doi: 10.1007/s40520-022-02271-0
Metin, S., Demirci, H., & Metin, A. T. (2019). Effect of health literacy of caregivers on survival rates of patients under palliative care. Scandinavian journal of caring sciences, 33(3), 669-676. doi: 10.1111/scs.12662
Shiba, K., Kondo, N., & Kondo, K. (2016). Informal and formal social support and caregiver burden: The AGES caregiver survey. Journal of epidemiology, 26(12), 622-628. doi: 10.2188/jea.JE20150263
Sørensen, K., Van den Broucke, S., Fullam, J., Doyle, G., Pelikan, J., Slonska, Z., ... & (HLS-EU) Consortium Health Literacy Project European. (2012). Health literacy and public health: a systematic review and integration of definitions and models. BMC public health, 12(1), 80. doi: 10.1186/1471-2458-12-80
Spatuzzi, R., Giulietti, M. V., Romito, F., Reggiardo, G., Genovese, C., Passarella, M., ... & Vespa, A. (2022). Becoming an older caregiver: A study of gender differences in family caregiving at the end of life. Palliative & Supportive Care, 20(1), 38-44. doi: 10.1017/S1478951521000274
Zeng, Y., Hu, X., Li, Y., Zhen, X., Gu, Y., Sun, X., & Dong, H. (2019). The quality of caregivers for the elderly in long-term care institutions in Zhejiang Province, China. International Journal of Environmental Research and Public Health, 16(12), 2164. doi: 10.3390/ijerph16122164
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
