การส่งเสริมสุขภาพสตรีและทารกเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพโดยการใช้งานระบบการบริหารจัดการข้อมูลหญิงตั้งครรภ์
คำสำคัญ:
ระบบการบริหารจัดการ, การตั้งครรภ์, สุขภาพสตรีบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อการพัฒนาระบบการบริหารจัดการข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และโมบาย แอปพลิเคชัน และ 2. เพื่อประเมินประสิทธิภาพการใช้งานระบบการบริหารจัดการข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และ โมบายแอปพลิเคชัน กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มผู้ใช้งาน ได้แก่ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล หญิงตั้งครรภ์ และผู้ดูแลระบบโดยใช้วิธีการเลือกตัวอย่างโดยใช้วิจารณญาน จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ใน การวิจัยประกอบด้วย 1) ระบบการบริหารจัดการข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และโมบายแอปพลิเคชัน และ 2) แบบประเมิน ประสิทธิภาพการใช้งานระบบการบริหารจัดการข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และโมบายแอปพลิเคชัน สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ระบบการบริหารจัดการข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และโมบายแอปพลิเคชัน สามารถใช้งานในการบันทึกข้อมูล รวมถึงการให้ความรู้ด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ขณะการตั้งครรภ์เพื่อเป็นเครื่องมือ ที่ส่งเสริมด้านความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง 2) ประสิทธิภาพการใช้งานระบบการบริหารจัดการ ข้อมูลหญิงตั้งครรภ์และโมบายแอปพลิเคชัน โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.37, SD = .53) โดยด้านทำงาน ตรงความต้องการ (
= 4.36, SD =.47) และด้านการใช้งานระบบ (
= 4.35, SD =.56) ตามลำดับ
เอกสารอ้างอิง
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2560). หลักสถิติ (พิมพ์ครั้งที่ 15). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สามลดา. คณะอนุกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ. (2567). แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การดูแลสตรีตั้งครรภ์. สืบค้นจาก https://www.rtcog.or.th/files/1685345623_d8d75aab0a3f9b-6bc66a.pdf
จีรวรรณ์ อุคคกิมาพันธุ์, สุภาพร ปรารมภ์, รุจา แก้วเมืองฝาง, ภัทรพร คูวุฒยากร, วิชญะ วงค์บุญยิ่ง และกุสุมล แสนบุญมา. (2562). การพัฒนาโมบายแอพพลิเคชั่นสำหรับการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์. สืบค้นจาก https://research.kpru.ac.th/research2/pages/filere/1679148757.pdf
ณัฐรินทร์ สกุลนิธิวัฒน์, สุนันทา ศรีมาคำ, และจงลักษณ์ ทวีแก้ว. (2567). การพัฒนาแอปพลิเคชันนับลูกดิ้นบนโทรศัพท์มือถือ. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์, 8(1), 1-15.
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 10). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น. สำนักนโยบายและแผนสาธารณสุข. (2562). การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ. สืบค้นจาก https://hhdc.anamai.moph.go.th/web-upload/migrated/files/hhdc/n2210_c5eeb76229784491e7bdc8be1e25751a_นโยบายและยุทธศาสตร์.pdf
สุรพงษ์ วิริยะ, อุทัยวรรณ แก้วตะคุ, และกิติพิเชษฐ์ ธูปบูชา. (2567). การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการบริหารจัดการงานวิจัย มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา. วารสารวิชาการการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ, 10(1), 22-35.
โอภาส เอี่ยมสิริวงศ์. (2566). การวิเคราะห์และออกแบบระบบ (ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ: ซีเอ็ด ยูเคชั่น.
Bayrampour, H., Heaman, M., Duncan, K. A., & Tough, S. (2012). Advanced maternal age and risk perception: a qualitative study. BMC pregnancy and childbirth, 12, 1-13. doi: 10.1186/1471-2393-12-100
Bodenheimer, T., & Sinsky, C. (2014). From triple to quadruple aim: care of the patient requires care of the provider. The Annals of Family Medicine, 12(6), 573-576. doi: 10.1370/afm.1713
Matheson, R. (2018). Startups building integrated nursing ecosystems with AI: Artificial intelligence looks set to transform nursing over the coming years. Retrieved from https://healthcareitnews.com/news/startups-building-integrated-nursingecosystems-ai
Moulaei, K., Bahaadinbeigy, K., Ghaffaripour, Z., & Ghaemi, M.M., (2021). The Design and Evaluation of a Mobile based Application to Facilitate Self-care for Pregnant Women with Preeclampsia during COVID-19 Prevalence. Journal of Biomedical Physics and Engineering, 11(4), 551-560.
Sharma, S. K., & Vong-Ek, P. (2012). Perceptions and care seeking behavior of obstetric complication in Thailand. Kathmandu University Medical Journal, 10(2), 63-70. doi: 10.3126/kumj.v10i2.7347
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
