ผลของการใช้โปรแกรมการพัฒนาทักษะพยาบาลวิชาชีพและเจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉินประจำจุดคัดกรองผู้ป่วย แผนกผู้ป่วยนอกและห้องอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
โปรแกรมพัฒนาทักษะ, การคัดแยกผู้ป่วย, แผนกผู้ป่วยนอกและห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียว มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรู้และทักษะการคัดแยกประเภทผู้ป่วยของพยาบาลวิชาชีพและเจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉินประจำจุดคัดกรองผู้ป่วยก่อนและหลังได้รับโปรแกรมพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้ป่วย เพื่อศึกษาผลลัพธ์ความถูกต้องในการคัดแยกประเภทผู้ป่วยก่อนและหลังได้รับโปรแกรมฯ และเพื่อประเมินความพึงพอใจการใช้โปรแกรมฯ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจงเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำจุดคัดกรองผู้ป่วย โรงพยาบาลแม่แตง จำนวน 21 คน ประกอบด้วย พยาบาลวิชาชีพ จำนวน 18 คน และเจ้าหน้าที่เวชกิจฉุกเฉินจำนวน 3 คน เครื่องมือในการทดลองได้แก่โปรแกรมพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้ป่วย ประกอบด้วย การฝึกอบรม การสอนงานร่วมกับฝึกปฏิบัติคัดแยกผู้ป่วย เครื่องมือประเมินผล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความรู้ฯ แบบบันทึกการสังเกตทักษะปฏิบัติ แบบประเมินความพึงพอใจ และแบบบันทึกผลการคัดแยกประเภทผู้ป่วย เครื่องมือวิจัยมีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง .67-1.00 ค่าความเชื่อมั่นแบบประมิน ความรู้ =.85 แบบสังเกตทักษะ =.84 และแบบประเมินความพึงพอใจ =.96 วิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเปรียบเทียบ Paired t-test ผลการวิจัยพบว่าคะแนนเฉลี่ยความรู้ (=12.61, SD=3.20 vs
=17.76, SD=2.41, t=-6.162, p<.001) และทักษะคัดแยกประเภทผู้ป่วย (
=9.19, SD=2.44 vs
=11.00, SD=21.67, t=-8.047, p<.001) หลังเข้าร่วมโปรแกรมฯ สูงกว่าก่อนร่วมโปรแกรมฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ การคัดแยกผู้ป่วยตํ่ากว่าเกณฑ์ 12.2% สูงกว่าเกณฑ์ 4.3% คัดแยกผู้ป่วยไม่ถูกต้อง 16.5% โดยเป็นจำนวนที่ลดลงและไม่พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือทรุดขณะรอตรวจ ความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (
=4.57, SD=.51) โปรแกรมฯ ช่วยพัฒนาทักษะการคัดแยกผู้ป่วย ผู้ป่วยได้รับการบริการอย่างทันเวลาเหมาะสม และถูกต้อง ลดอุบัติการณ์ผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือทรุดขณะรอตรวจ และเกิดผลดีต่อคุณภาพบริการ
เอกสารอ้างอิง
กฤตยา แดงสุวรรณ, ชฎาพร ฟองสุวรรณ, และกฤษณี กมลมาตยกุล. (2558). การสอนงานพยาบาลใหม่ความท้าทายของงนอุบัติเหตุและฉุกเฉิน: กรณีศึกษาโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 35(2), 35-44.
ญวนใจ มุมกลาง. (2567). การพัฒนารูปแบบการคัดแยกผู้ป่วยโดยพยาบาล งานอุบัติเหตุและฉุกเฉินในโรงพยาบาลเกษตรวิสัย. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ, 5(1), 445-456.
เทพีรัตน์ เทศประสิทธิ์. (2564). การพัฒนาระบบการคัดแยกประเภทผู้ป่วยงานผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุฉุกเฉิน โรงพยาบาลโชคชัย. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 15(36), 160-178.
พิมพา วีระคำ, คัคนนันทร์ วิริยาภรณ์ประภาส, ศิริพร จักรอ้อม, และพิชญุตม์ ภิญโญ. (2562). ประสิทธิผลของการอบรมการคัดแยกผู้ป่วยตามระบบ MOPH ED Triage ต่อความถูกต้องของการคัดแยกผู้ป่วย โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มงานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลแม่สาย. วารสารกรมการแพทย์, 44(5), 70-74.
มยุรี มานะงาน. (2563). ผลของการใช้แนวทางการคัดแยกผู้ป่วยตามระดับความฉุกเฉิน งานผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลจักราช อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 34(3), 52-65.
เยาวลักษณ์ ผุยหัวโนน, จุไรพร กนกวิจิตร, และลักขณา ไทยเครือ.(2564). ระบบการคัดกรองผู้ป่วยฉุกเฉิน.ในโรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ, 27(2), 69-83.
รัฐพงษ์ บุรีวงษ์. (2561). MOPH ED. Triage (พิมพ์ครั้งที่ 2). นนทบุรี: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.
วัชราภรณ์ โต๊ะทอง. (2565). ประสิทธิผลการใช้รูปแบบการคัดกรองผู้ป่วยโดยใช้เกณฑ์การคัดกรองเร่งด่วนต่อระยะเวลารอคอยของผู้ป่วย ความแม่นยำการคัดกรง และการปฏิบัติบทบาทของพยาบาลคัดกรองงานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน. วารสารการพยาบาล สุขภาพ และสาธารณสุข, 1(2), 1-11.
สุมลา พรหมมา. (2559). รูปแบบการพัฒนาทักษะการโค้ชของผู้นำทางการพยาบาล. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์, 11(2), 353-368.
สุวสันต์ บุญยรัตน์. (2564). ความแม่นยำของระบบการคัดกรองผู้ป่วยด้วยดัชนีความรุนแรงอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เทียบกับเกณฑ์คัดแยกและมาตรฐานความเฉียบพลันแคนาดา ในผู้รับบริการที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. เชียงรายเวชสาร, 13(3), 147-159.
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน. (2558). การสอนงาน เปิดโลกทัศน์พัฒนาทุนมนุษย์. สืบค้นจาก https://learningportal.ocsc.go.th/learningspace/courses/1073
อภิรดี นันท์ศุภวัฒน์. (2560). ภาวะผู้นำและการจัดการทางการพยาบาล. เชียงใหม่: สยามพิมพ์นานา.
Canadian Nurses Association. (2004). Achieving excellence in professional practice: A guide to preceptorship and mentoring. Ottawa: Canadian Nurses Association.
Donner, G. J., Conseil international des infirmières, & Wheeler, M. M. (2009). Coaching in nursing: An introduction. International Council of Nurses: Honor Society of Nursing, Sigma Theta Tau International.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
