การพัฒนารูปแบบการนำตนเองเพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุในเขตกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
รูปแบบการนำตนเอง, ความสุขในชีวิต, ผู้สูงอายุ, กรุงเทพมหานครบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการนำตนเองเพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ และ 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการนำตนเอง เพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยคือ ผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 60-75 ปี ในกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก จำนวน 248,071 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มตัวอย่างที่ 1 ใช้ในการศึกษาความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ จำนวน 111 คน ที่ได้มาจากการคัดเลือกแบบหลายขั้นตอนจากประชากรตามเกณฑ์ที่กำหนด และ 2) กลุ่มตัวอย่างที่ 2 ใช้ในการเสริมสร้างความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ ที่ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจงจากกลุ่มตัวอย่างที่ 1 ที่มีคะแนนความสุขในชีวิตตั้งแต่เปอร์เซ็นไทล์ที่ 50 ลงมา และสมัครใจเข้าร่วมการทดลอง จำนวน 40 คน และสุ่มอย่างง่ายเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 20 คน โดยกลุ่มทดลองได้รับรูปแบบการนำตนเองเพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิต ส่วนกลุ่มควบคุมไม่ได้รับรูปแบบการนำตนเอง และเข้าร่วมกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) แบบวัดความสุขในชีวิต ที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องอยู่ระหว่าง .67-1.00 ค่าอำนาจจำแนกรายข้ออยู่ระหว่าง .24-.77 และค่าความเที่ยงทั้งฉบับเท่ากับ .92 และ (2) รูปแบบการนำตนเองเป็นรูปแบบที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นโดยพัฒนามาจากแนวคิดทฤษฎีทางจิตวิทยา 3 แนวคิดทฤษฎี ประกอบด้วย ทฤษฎีภวนิยม ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และทฤษฎีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ รูปแบบการนำตนเองมีค่าดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 การวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัย (1) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากการสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ และที่ได้จากการสังเคราะห์วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์และจากวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องมากำหนดนิยามปฏิบัติการของความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ และ (2) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้จากการประเมินผลการใช้รูปแบบการนำตนเองเพื่อเสริมสร้างความสุขในชีวิตของผู้สูงอายุ โดยใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (, SD), Normality test, Wilcoxon Matched Pairs Signed-Ranks Test และ Mann-Whitney U-Test ผลการวิจัยพบว่า (1) ความสุขในชีวีตของผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มตัวอย่างจำนวน 111 คน อยู่ในระดับปานกลาง (2) รูปแบบการนำตนเองที่ผู้วิจัย พัฒนาขึ้น พัฒนาจากแนวคิดทฤษฎีทางจิตวิทยา 3 แนวคิด ได้แก่ แนวคิดทฤษฎีภวนิยม ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และทฤษฎีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ และ (3) ความสุขในชีวิตโดยรวมของผู้สูงอายุกลุ่มทดลอง หลังการทดลอง และหลังการติดตามผล สูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เอกสารอ้างอิง
กันย์ธนัญ สุชิน, ธนพัทธ์ จันท์พิพัฒน์พงศ์, และทิพวรรณ เมืองใจ. (2563). การศึกษาและพัฒนารูปแบบเพื่อเสริมสร้างความสุขจากปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสุขของผู้สูงอายุ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย. วารสารชุมชนวิจัย, 14(3), 58-71.
กัณฐิกา ปัญญาละ, กัญญ์ชล วัฒนากูล, และวรพล ยะมะกะ. (2563). ระดับความสุขของผู้สูงอายุในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่. สืบค้นจาก https://www.econ.cmu.ac.th/econ_paper/admin/files/paper/601632003/011%20%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%20%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%B0%20601632003.pdf
พระครูอุทัยธรรมานุกูล (สามารถ อิทฺธิญาโณ). (2560). พลังคิดบวกในการบริหารงานตามแนวพุทธบูรณาการ. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร, 8(2), 89-100.
ลัดดาวัลย์ พุทธรักษา, สนอง โลหิตวิเศษ, รุ่งแสง อรุณไพโรจน์, และพรรณวิภา บรรณเกียรติ. (2556). รูปแบบการพัฒนาผู้ดูแลผู้สูงอายุโดยวิธีการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองและการจัดการความรู้. วารสารวิจัยทางการศึกษา, 7(2), 1-10.
Creswell, J.W. (2013) Research Design: Qualitative, Quantitative, and Mixed Methods Approaches. 4th Edition. London: SAGE Publications, Inc.
Spector, A., Thorgrimsen, L., Woods, B. O. B., Royan, L., Davies, S., Butterworth, M., & Orrell, M. (2003). Efficacy of an evidencebased cognitive stimulation therapy programme for people with dementia: randomised controlled trial. The British Journal of Psychiatry, 183(3), 248-254.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
