ความสัมพันธ์ระหว่างทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วยกับความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กรตามการรับรู้ของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
ทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วย, ความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กร, พยาบาลวิชาชีพบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วยความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กร และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วยกับความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กรตามการรับรู้ของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพมหานคร ประชากร คือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานเต็มเวลา โรงพยาบาลเอกชน ขนาด 80-150 เตียง จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง คือ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานเต็มเวลา จากโรงพยาบาล 3 แห่ง โดยใช้วิธีคำนวณด้วยโปรแกรม G*Power ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่าง 102 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วย และแบบสอบถามความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กรของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.99 และ 0.85 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของสเปียร์แมนผลการวิจัย พบว่า ทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วยตามการรับรู้ของพยาบาลวิชาชีพพยาบาล โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53, SD = 0.38) พยาบาลวิชาชีพมีความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กรโดยรวมอยู่ในระดับมาก (
= 4.30, SD = 0.31) ทักษะอนาคตของหัวหน้าหอผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลาง (r = 0.39) กับความยึดมั่นผูกพันต่อองค์กรตามการรับรู้ของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลเอกชน ในกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะ ให้ใช้กลยุทธ์พัฒนาผู้บริหารระดับหัวหน้าหอที่มุ่งพัฒนาทักษะของหัวหน้าหอผู้ป่วยด้านการแก้ปัญหา ความไวต่อความรู้สึกของบุคลากร และด้านดิจิทัล
เอกสารอ้างอิง
ดุษฎี อุดมอิทธิพงศ์, กฤตนัย แก้วยศ, และเกยูรมาศ อยู่ถิ่น. (2557). ความเหนื่อยล้าในการทำงานของพยาบาล. วารสารสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา. 8(2), 40-53.
บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัยทางการพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: ยูแอนด์ไอ อินเตอร์มีเดีย.
บุษราภรณ์ พวงปัญญา, อัญชิษฐฐา ศิริคำเพ็ง, และทรงศักดิ์ จีระสมบัติ. (2559). การบริหารภาวะผู้นำเพื่อการจัดการกับระบบข้อมูลด้านสุขภาพในศตวรรษที่ 21. วาสาร มจร.อุบลปริทรรศน์, 1(1), 74-84.
พิชญา ดำนิล. (2559). ภาวะผู้นำในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารคณะศิลปศึกษาและห้องเรียนเครือข่ายสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น, เชียงใหม่.
วรรณี วิริยะกังสานนท์. (2556). ปัจจัยที่มีผลต่อการคงอยู่ของพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยคริสเตียน, นครปฐม.
วิไลลักษณ์ กุศล. (2559). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความผูกพันต่อองค์กรของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยคริสเตียน, นครปฐม.
ศิริพร สิงหเนตร, จรวยพร ใจสิทธิ์, และ วิชยา เห็นแก้ว. (2560). ภาวะผู้นำการพยาบาลในศตวรรษที่ 21. วารสารนเรศวรพะเยา, 10(1), 17-22.
สมนันท์ สุทธารัตน์, และกัญญดา ประจุศิลป. (2558). ความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมในการทำงาน ภาวะผู้นำของหัวหน้าหอผู้ป่วยกับความยึดมั่นผูกพันต่อองค์การของพยาบาลวิชาชีพรุ่นเจเนอเรชั่นวาย โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ. วารสารพยาบาลตำรวจ, 7(1), 237-252.
อรัญญา ปาละกะวงศ์, อารีรัตน์ ขำอยู่, และลัดดาวัลย์ พุทธรักษา. (2563). สภาพแวดล้อมการทำงานภาวะผู้นำของหัวหน้าหอผู้ป่วยและการคงอยู่ในงานของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลศูนย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 28(1), 95-104.
Allen, N. J., & Meyer, J. P. (1990). The measurement and antecedents of affective, continuance and normative commitment to the organization. Journal of occupational psychology, 63(1), 1-18.
Dondi, M., Klier, J., Panier, F., & Schubert, J. (2021). Defining the skills citizens will need in the future world of work. Retrieved from https://hrday.nl/wp-content/uploads/2022/10/JTB.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
