ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์

ผู้แต่ง

  • มาลีวัล เลิศสาครศิริ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์
  • พงษ์ลดา วัชรสินธุ โรงพยาบาลราชวิถี
  • จุรีย์ นฤมิตเลิศ คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์

คำสำคัญ:

ปัจจัยทำนาย, พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ, สตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงพรรณนาลักษณะหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เป็นการศึกษาความสัมพันธ์และปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ กลุ่มตัวอย่างคือสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอวันจำนวน 100 คน เป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามประกอบด้วย 4 ส่วน ดังนี้ 1) ปัจจัยส่วนบุคคล 2) การรับรู้สมรรถนะตนเอง 3) การเห็นคุณค่าตนเอง และ4) แบบประเมินพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ หาค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถามในส่วนที่ 2-4 ได้เท่ากัน คือ .80 และค่าความเที่ยงได้เท่ากับ .78, .82 และ .89 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการวิจัย พบว่า การศึกษา การรับรู้สมรรถนะตนเอง และการเห็นคุณค่าตนเองมีความสัมพันธ์ทางบวกระดับน้อยกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอวันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p<.05 (r = .279, .222 และ.245) ตามลำดับ การเห็นคุณค่าตนเองและการรับรู้สมรรถนะตนเองสามารถทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ชนิดเอวันได้ร้อยละ 43 และ 40 ตามลำดับ (R2=.43, .40) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p<.05 จากผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นในการส่งเสริมให้สตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีการรับรู้สมรรถนะตนเองและความรู้สึกมีคุณค่าตนเอง เพื่อส่งเสริมให้มีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ

เอกสารอ้างอิง

กฤษณา ปิงวงศ์, และกัญญาณัฐ สิทธิภา. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการจัดการตนเองของสตรีมีครรภ์ที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 49(1), 317-328.

กฤษณี สุวรรณรัตน์, ตติรัตน์ เตชะศักดิ์ศรี, และสุพิศ ศิริอรุณรัตน์. (2562). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการภาวะเบาหวานด้วยตนเอง และระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี, 30(2), 1-13.

ชนัดดา ระดาฤทธิ์, ตติรัตน์ เตชะศักดิ์ศรี, และสุพิศ ศิริอรุณรัตน์. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการตนเองของสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 27(1), 50-59.

นุจเรศ จันทบูรณ์. (2553). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจโดยบูรณาการการสนับสนุนของสามีต่อความรู้สึกมีคุณค่าในการเป็นมารดา และทัศนคติในการเลี้ยงดูบุตรของมารดาวัยรุ่น (วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สงขลา.

นภาภรณ์ เกตุทอง, และนิลุบล รุจิรประเสริฐ. (2561). ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้เกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกินขณะตั้งครรภ์และการรับรู้สมรรถนะแห่งตนกับการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพของหญิงตั้ง ครรภ์ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน. ศรีนครินทร์เวชสาร, 33(2), 129-135.

บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัยทางพยาบาลศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: ยูแอนด์ไอ อินเตอร์มีเดีย.

ประภัทร วานิชพงษ์พันธ์. (2560). ตำราสูติศาสตร์. กรุงเทพฯ: ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.

ปิยะนันท์ ลิมเรืองรอง, นิตยา สินสุกใส, เอมพร รตินธร, และดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร. (2554). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบางประการ การออกกำลังกายและระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมงในสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารพยาบาลศาสตร์, 29(2), 48-58.

มาลีวัล เลิศสาครศิริ. (2565). แนวคิดและการพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อน ปรับปรุงใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: บริษัท จามจุรีโปรดักส์ จำกัด.

เยาวลักษณ์ มาก๋า, จันทรรัตน์ เจริญสันติ, และพรรณพิไล ศรีอาภรณ์. (2563). โอกาสเสี่ยงตามการรับรู้สมรรถนะแห่งตน และพฤติกรรมการออกกำลังกายของสตรีหลังคลอดที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. พยาบาลสาร, 47(1), 35-44.

American College of Obstetricians and Gynecologists. (2013). Committee on practice bulletin no. 137: Gestational diabetes mellitus. Obstetrics and Gynecology, 122(1), 406-416. doi:10.1097/01.AOG.0000433006.09219.f1

American Diabetes Association. (2014). Standards of medical care in diabetes-2014. Diabetes care, 37(1), S14-S80.

Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: Freeman.

Coopersmith, S. (1984). Self-esteem Inventories. San Francisco: Consulting Psychologist Press, Inc.

Pender, N. J., Murdaugh, C.L. & Parsons, M.A. (2011). Health promotion in nursing practice. (6th ed). New Jersey: Pearson.

Qadir, S. Y., Yasmin, T., & Fatima, I. (2012). Maternal and foetal outcome in gestational diabetes. Journal of Ayub Medical College Abbottabad, 24(3-4), 17-20.

Sherer, M., Maddux, J. E., Mercandante, B., Prentice-Dunn, S., Jacobs, B., & Rogers, R. W. (1982). The self-efficacy scale: Construction and validation. Psychological reports, 51(2), 663-671.

Thorndike, R.M. (1978). Correlation Procedures for Research. New York: Gardner Press.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

เลิศสาครศิริ ม., วัชรสินธุ พ., & นฤมิตเลิศ จ. (2024). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของสตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 10(1), 1–12. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/266727

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย