ผลของการจัดการพยาบาลโดยใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมต่อการรับรู้คุณค่าวิชาชีพ ของพยาบาล และการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าของผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
คำสำคัญ:
รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม, การรับรู้คุณค่าวิชาชีพ, การตัดสินใจวางแผนล่วงหน้า, ภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมต่อการรับรู้คุณค่าวิชาชีพของพยาบาลวิชาชีพ และการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าของผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มตัวอย่างแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยอายุรกรรม จำนวน 25 คน และกลุ่มผู้ใช้บริการ ได้แก่ กลุ่มควบคุม เป็นกลุ่มที่ผู้ใช้บริการได้รับการพยาบาลแบบเดิม จำนวน 20 ราย และ กลุ่มทดลอง เป็นกลุ่มที่ผู้ใช้บริการได้รับการพยาบาลโดยใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม จำนวน 20 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง และเครื่องมือที่ใช้ในการกำกับการทดลอง มีดังนี้ 1.1 รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม โดยใช้แนวคิดหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วมของซาส์ชกิน และดำเนินการโดยการมีส่วนร่วมของพยาบาลวิชาชีพหอผู้ป่วยอายุรกรรม 1.2 เครื่องมือที่ใช้กำกับการทดลอง ได้แก่ 1) แบบทดสอบความรู้ เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองและการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าของพยาบาลวิชาชีพ ก่อนและหลังการดำเนินการพัฒนารูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม และ 2) แบบทดสอบความรู้ ในการปฏิบัติตนเมื่อมีอาการโรคหลอดเลือดสมอง ของผู้ใช้บริการ หลังการดำเนินการพัฒนารูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม ส่วนที่ 2 เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล มีดังนี้ 2.1 แบบสอบถามการรับรู้คุณค่าวิชาชีพพยาบาลของยอน อึนจา และคณะ (Yeun et al., 2005) และ 2.2 แบบประเมินความรู้ และการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และแบบบันทึกการตัดสินใจล่วงหน้าของผู้ป่วยโดยเขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรสถิติที่ใช้ในการวิจัยคือร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ และ เปรียบเทียบความรู้และการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าของกลุ่มผู้ใช้บริการระหว่างหลังการได้รับการพยาบาลแบบเดิมกับหลังการใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมโดยสถิติ Mann-Whitney U ผลการวิจัยพบว่า 1. หลังการใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมพยาบาลมีการรับรู้คุณค่าวิชาชีพของพยาบาลวิชาชีพสูงขึ้นกว่าก่อนการใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า หลังการใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม พยาบาลที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้คุณค่าวิชาชีพเพิ่มสูงขึ้นกว่าก่อนการใช้รูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม 3 ด้าน คือ 1) การเห็นคุณค่าในวิชาชีพ 2) การตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม 3) บทบาทในการบริการพยาบาล ส่วนการรับรู้คุณค่าวิชาชีพรายด้านที่ไม่สูงขึ้น มี 2 ด้าน คือ 1) ความเป็นมืออาชีพของพยาบาล และ 2) ด้านความคิดริเริ่มของพยาบาล และ 2. ความรู้และการตัดสินใจวางแผนล่วงหน้าของผู้ใช้บริการที่ได้รับบริการรูปแบบการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมสูงกว่าผู้ที่ได้รับได้รับการพยาบาลแบบเดิม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
กรมสนับสนุนบริการสาธารณสุข. (2564). คู่มือมาตรฐานระบบบริการสุขภาพ ปี 2563 (ฉบับส่งเสริมและพัฒนาสถานพยาบาล). สืบค้นจาก https://stopcorruption.moph.go.th/application/editors/userfiles/files/คู่มือมาตรฐานระบบบริการสุขภาพ%20ปี%202563%20(ฉบับส่งเสริมและพัฒนาสถานพยาบาล).pdf
กนกพร จิวประสาท. (2558). บทบาทพยาบาลและการสนับสนุนการตัดสินใจเลือกรักษาในระยะสุดท้ายในผู้ป่วยวิกฤต : กรณีศึกษา. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก, 26-27(2), 1-2.
กนกอร ธารา, สุวิณี วิวัฒน์วานิช และจิราพร เกศพิชญ วัฒนา. (2552). คุณค่าในงานพยาบาล: ความหมายและประสบการณ์ของพยาบาลวิชาชีพ. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ, 25(2), 1-1.
คลินิกโรคจากการทำงาน กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร. (2560). โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร. สืบค้นจาก http://chainathospital.moph.go.th/chainatweb/file_store_path/20181218154956-34-10451.pdf
จารุณี ดาวังปา และมณีรัตน์ ภาคธูป. (2560). คุณภาพบริการตามความคาดหวังและการรับรู้ของผู้ป่วยประกันสังคม โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น, 11(2), 215-226.
ทรรศนันทน์ ไทยอัฐวิถี, และอภิญญา จำปากูล. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดูแลที่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางตามการรับรู้ของพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ศรีนครินทร์เวชสาร, 34(2), 198-204.
เบญจมาศ ปรีชาคุณ, วรศรา ตุวยานนท์, เพชรรัตน์ เนตรมุ่ย, และปาริชาติ ดำรงรักษ. (2558). การรับรู้ของพยาบาลวิชาชีพเกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่ส่งผลต่อคุณค่าและความศรัทธา ในวิชาชีพการพยาบาล. พยาบาลสาร, 41(1), 122-131.
ปฐมวดี สิงห์ดง และชนกพร จิตปัญญา. (2555). ประสบการณ์ของสมาชิกครอบครัวในหอผู้ป่วยวิกฤต : การวิจัยเชิงคุณภาพ. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 18(3), 404-417.
สุริยา ฟองเกิด, ศุภรา หิมามันโต, และสืบตระกูล ตันตลานุกูล. (2559). การพยาบาลที่เน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตระยะสุดท้ายในหอผู้ป่วยหนัก ตามบริบทของสังคมไทย. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 27(ฉบับเพิ่มเติม), 170-178.
Sashkin, M. (1982). A Manager’s Guide to Participative Management. New York: American Management Associations.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
