การพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมการเสริมสร้างสมรรถนะการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเห็นสำหรับครูโรงเรียนสอนคนตาบอด
คำสำคัญ:
โปรแกรมฝึกอบรม, การพัฒนาสมรรถนะครู, การให้คำปรึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมการเสริมสร้างสมรรถนะการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นสำหรับครูโรงเรียนสอนคนตาบอด และ 2) ศึกษาสมรรถนะการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นสำหรับครูโรงเรียนสอนคนตาบอดกระบวนการวิจัยประกอบด้วย 1) การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) การพัฒนาโปรแกรมฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นของครูโรงเรียนสอนคนตาบอด 3) การตรวจสอบประสิทธิผลของโปรแกรมฝึกอบรม และ 4) การปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมฝึกอบรม กลุ่มตัวอย่าง คือ ครูผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้คำปรึกษาในโรงเรียนสอนคนตาบอด จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย โปรแกรมฝึกอบรม แบบทดสอบความรู้ แบบวัดเจตคติ แบบประเมินความสามารถการให้คำปรึกษา และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงแบนมาตรฐาน และค่าที ผลการวิจัยที่ได้ 1) โปรแกรมฝึกอบรมโดยผลการประเมินหน่วยการเรียนรู้ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากและมากที่สุด และมีความสอดคล้องกันทุกองค์ประกอบ 2) ความรู้และเจตคติต่อการให้คำปรึกษาของครูหลังการอบรมสูงกว่าก่อนการอบรม และสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
กมลลักษณ์ สิทธิสวัสดิวุฒิ, ศรีสมร สุริยาศศิน, คมเพชร ฉัตรศุภกุล, และสมสรรญก์ วงษ์อยู่น้อย. (2562).ผลของโปรแกรมการฝึกอบรมพัฒนาทักษะและเจตคติต่อการให้คำปรึกษาของครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง. วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์, 9(3), 762-774.
ดลจิตร ภูชมพูล และกาญจน์ เรืองมนตรี. (2563).การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะด้านวิชาการสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด. 9(2), 149-158.
พรรณวิภา บรรณเกียรติ และเจษฎา บุญมาโฮม. (2561).การพัฒนาคู่มือการให้การปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเห็น. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 4(1-2), 33-42.
พอเจตน์ ธรรมศิริขวัญ. (2558).การพัฒนาหลักสูตร.ฉะเชิงเทรา: บริษัทเอ็มเอ็นคอมพิวออฟเซท จำกัด.
พัชรี จิ๋วพัฒนกุล. (2558).การสอนเด็กที่บกพร่องทางการเห็น [เอกสารประกอบการสอน]. สงขลา: คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา.
มาลิน เนาว์นาน และธิดารัตน์ นงค์ทอง. (2562). การให้คํา าปรึกษาเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพคนหูหนวก.วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร. 39(2). 112-127.
ระวิรัฐ รุ่งโรจน์. (2559). การพัฒนาความสามารถในการสื่อสารระหว่างบุคคลโดยใช้โปรแกรมฝึกอบรมเชิงจิตวิทยา. วารสาร HROD JOURNAL. 8(1). 60-74.
วงพักตร์ ภู่พันธ์ศรี. (2562). จิตวิทยาเด็กพิเศษ. (พิมพ์ครั้งที่ 12). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
สิริรัตน์ จรรยารัตน์, ภาณุวัฒน์ ภักดีวงศ์, วรินทร บุญยิ่ง,และจิตรา ดุษฎีเมธาสิริรัตน์. (2558). การพัฒนาโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะด้านการให้การปรึกษาของนักแนะแนวในสถาบันอุดมศึกษา.วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร. 17(2). 98-107.
สุเทพ อ่วมเจริญ. (2555). การพัฒนาหลักสูตร: ทฤษฎีและการปฏิบัติ. นครปฐม: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์.
อุรปรีย์ เกิดในมงคล. (2559). ผลของการใช้โปรแกรมฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการช่วยเหลือนักเรียนแบบการให้คำปรึกษากลุ่มของครูโรงเรียนมัธยมศึกษา. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย. 8(2). 36-48.
English, K., & Archbold S. (2014). Measuring the effectiveness of an audiological counseling Program. International Journal of Audiology. 53(1). p. 115-120. https://doi.org/10.3109/14992027.2013.837224
Nelson, R. J. (2014). Theory and Practice of Counselling and Therapy. London: SAGE Publications.
Ferbert, S. E, Grififth, D. A. & Forrest, D. B. (2005). Developmental classroom guidance activities. South Carolina: Youth Light Inc.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
