การวิเคราะห์โยงใยเหตุปัจจัยสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง ในชุมชน กรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • จินตนา อาจสันเที๊ยะ กลุ่มวิชาการพยาบาลชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์
  • กมลมาลย์ วิรัตน์เศรษฐสิน ภาควิชาสุขศึกษา คณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  • เรวดีทรรศน์ รอบคอบ กลุ่มวิชาการพยาบาลชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์
  • สฤษฎิ จันทร์หอม กลุ่มวิชาการพยาบาลชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์
  • กาญจนา ปัญญาเพ็ชร์ กลุ่มวิชาการพยาบาลชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยเซนต์หลุยส์

คำสำคัญ:

ชุมชน, เหตุปัจจัย, ผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง, สุขภาวะ

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจระดับสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง 2) วิเคราะห์ ปัจจัยที่สัมพันธ์กับสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง และ 3) สังเคราะห์ภาพรวมของโยงใยสาเหตุของปัจจัยที่ สัมพันธ์กับสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรังในชุมชน กรุงเทพมหานคร ตัวอย่างที่ศึกษาในครั้งนี้ คือ ผู้สูงอายุ ที่มีปัญหาโรคเรื้อรังในชุมชน กรุงเทพมหานคร 4 แห่ง ที่อาศัยอยู่ในเขตคลองเตย ยานนาวา บางคอแหลม และ บางขุนเทียน จำนวน 1,000 คน ที่ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบจัดชั้น เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินสุขภาวะ ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง แบบสอบถามเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาวะ โดยการนำ PRECEDE PROCEED model เป็นกรอบในการหาเหตุปัจจัยสุขภาวะของผู้สูงอายุในกรุงเทพมหานคร แบบสอบถามมีค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของ ครอนบาค 0.83 เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ การแจกจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เส้นทางความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปร และการตรวจ สอบความตรงของโมเดล ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรังในชุมชน กรุงเทพมหานคร มีสุขภาวะอยู่ในระดับสูง 2) ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อสุขภาวะโดยรวมของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรังในชุมชน คือ ปัจจัยด้าน นิเวศวิทยา โดยมีผลทางตรงต่อสุขภาวะของผู้สูงอายุด้วยค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เท่ากับ 0.645 และมีผลทางตรงต่อ สุขภาวะโดยรวมทางด้านสังคมและเศรษฐกิจ ด้านครอบครัว ด้านจิตใจและจิตวิญญาณ ด้านร่างกายและการทำหน้าที่ โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ตามลำดับ ดังนี้ 0.715, 0.666, 0.678 และ 0.599 และ 3) โมเดลการโยงใยเหตุปัจจัย มีค่าสถิติดัชนีวัดระดับความกลมกลืน เท่ากับ 0.977 ดัชนีวัดระดับความกลมกลืนที่ปรับแก้แล้ว เท่ากับ 0.971 และ สามารถอธิบายสุขภาวะแต่ละด้านของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง ดังนี้ ด้านสังคมและเศรษฐกิจ ร้อยละ 76.60 ด้าน ครอบครัว ร้อยละ 72.30 ด้านจิตใจและจิตวิญญาณ ร้อยละ73.40 และด้านร่างกายและการทำหน้าที่ ร้อยละ 48.50

เอกสารอ้างอิง

ดาริน จุตรภัทรพร. (2554). อาการสับสนกระวนกระวาย ในผู้ป่วยระยะสุดท้าย. กรุงเทพฯ: ภาควิชา เวชศาสตร์ ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.

ปัณณทัต บนขุนทด. (2554, มกราคม). ผลการสำรวจ พฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. การประชุม วิชาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปี 2554 “การพัฒนาอนาคตชนบทไทย: ฐานรากที่มั่นคง เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน”. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สิริพร สุธัญญา. (2550). พฤติกรรมการดูแลตนเองกับ ความพึงพอใจในชีวิตของผู้สูงอายุในสวนรมณี นาถ กรุงเทพมหานคร. (สารนิพนธ์ปริญญาการ ศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.

สุรเดช ดวงทิพย์สิริกุล. (2557). สังคมผู้สูงอายุ...กับความ ท้าทายการจัดการด้านสุขภาพ. โครงการ ประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ, 2 (17), น. 1-3.

ศิริวรรณ ศิริบุญ และชเนตตี มิลินทางกูร.(2553). การ พิทักษ์ผู้สูงอายุ สืบค้นวันที่ 20 พฤษภาคม 2556, จาก www.oppo.opp.go.th/info/Re port_299.pdf

วิชัย เสนชุ่ม, พฤฒินันท์ สุฤทธิ์, ณรงค์ศักดิ์ หนูสอน, และ ธนัช กนกเทศ. (2554). ปัจจัยพยากรณ์บทบาท ของสมาชิกครอบครัวในการดูแลและส่งเสริมสุข ภาพผู้สูงอายุ ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ,5(2), น. 23-33.

อรนุช คงเหลี่ยม. (2552). ปัจจัยทางชีวสังคมและความ เชื่ออำนาจควบคุมด้านสุขภาพที่มีผลต่อ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรค เบาหวานที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลชัยนาท จังหวัดชัยนาท. (สารนิพนธ์ปริญญาการศึกษา มหาบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ.

Dunning, T. (2010). Chronic disease self-management: what do we measure?. Journal of Nursing and Healthcare of Chronic Illness, 2(4), pp. 251-253.

Green, L.W., Kreuter, M.W. (1992). CDC’s Planned approach to community health as an application of PRECEDE and an inspiration for PROCEED. Journal of Health Education, 23(3), pp. 140-147.

Phillips, J. L., Rolley, J. X., & Davidson, P. M. (2012). Developing targeted health service interventions using the PRECEDE-PROCEED model: Two Australian case studies. Nursing Research and Practice, 8.

Tramm, R., McCarthy, A., & Yates, P. (2012). Using the Precede–Proceed model of health program planning in breast cancer nursing research. Journal of Advanced Nursing, 68(8), pp. 1870-1880.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2015-12-01

รูปแบบการอ้างอิง

อาจสันเที๊ยะ จ., วิรัตน์เศรษฐสิน ก., รอบคอบ เ., จันทร์หอม ส., & ปัญญาเพ็ชร์ ก. (2015). การวิเคราะห์โยงใยเหตุปัจจัยสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคเรื้อรัง ในชุมชน กรุงเทพมหานคร. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ, 2(3), 18–34. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/slc/article/view/221655

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย