ผลของโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการต่อพฤติกรรมสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, สุขบัญญัติ 10 ประการ, นักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายบทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ ภายหลังการทดลอง ระหว่างกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการ กับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับโปรแกรมฯ และเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการ ของกลุ่มทดลอง ในระยะก่อนและหลังได้รับโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการกลุ่มตัวอย่าง คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ปีการศึกษา 2567 ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 2 แห่ง คำนวณ จำนวนกลุ่มตัวอย่างโดยใช้โปรแกรม G*power ได้จำนวน 62 คน กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มเปรียบเทียบกลุ่มละ 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) โปรแกรม พัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยประยุกต์ใช้แนวคิดความรอบรู้ทางสุขภาพของนัทบีม (Nutbeam, 2008) 2) แบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพตามสุขบัญญัติ 10 ประการ ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือด้วยค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) มีค่าเท่ากับ 0.83 การศึกษาครั้งนี้ใช้ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 60 นาที วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Independent sample t-test และ Paired sample t-test ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการ มีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพฯ ( = 74.16, SD = 8.92) มากกว่ากลุ่มควบคุม (
= 68.45, SD = 6.95) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (p-value<.01) และกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการ มีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมสุขภาพฯ ในระยะหลังการทดลอง (
= 69.77, SD = 10.83) เพิ่มขึ้นมากกว่า ในระยะก่อนการทดลอง (
= 74.16, SD = 8.92) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (p-value<.01) พยาบาลเวชปฏิบัติหรือบุคลากรในสถานศึกษาสามารถนำโปรแกรมพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขบัญญัติ 10 ประการ ไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นแนวทางในการส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติ 10 ประการได้
เอกสารอ้างอิง
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2560). สร้างการเรียนรู้ สร้างสุขภาพ: บทเรียนจากโรงเรียน. สืบค้นจาก https://hed.hss.moph.go.th/wp-content/uploads/2024/06/หนังสือสร้างการเรียนรู้-สร้างสุขภาพ-บทเรียนจากโรงเรียน.pdf
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2563). ผลการดำเนินงานสุขศึกษา เพื่อความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ประจำปีงบประมาณ 2563. สืบค้นจาก https://shorturl.at/SVFYf
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2564). สรุปผลการดำเนินงานสุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ ประจำปีงบประมาณ 2564. สืบค้นจาก https://shorturl.at/JbOXs
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2565). คู่มือการดำเนินงานสุขศึกษาโรงเรียนส่งเสริมสุขบัญญัติแห่งชาติ. สืบค้นจาก https://hed.hss.moph.go.th/wp-content/uploads/2024/05/คู่มือการดำเนินงานสุขศึกษาโรงเรียนส่งเสริมสุขบัญญัติแห่งชาติ.pdf
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2565). รายงานผลการดำเนินงานปีงบประมาณ 2565. สืบค้นจาก https://shorturl.at/TDXVS
ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2560). การคัดกรองสุขภาพจิตเด็กวัยเรียน. กรุงเทพฯ: บียอนด์พับลิสชิ่ง.
เบญจพร ทองมาก. (2564). ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพตามสุขบัญญัติแห่งชาติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2 ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, 7(2), 51-61.
วุฒิพงษ์ ฆารวิพัฒน์. (2565). รูปแบบการพัฒนาความรอบรู้สุขภาพตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติในนักเรียน โรงเรียนเทศบาล 4 เฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อม และสุขภาพชุมชน, 7(3), 178-187.
ศศิธร ตันติเอกรัตน์, และนัชชา ยันติ. (2566). ประสิทธิผลของโปรแกรมการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อความรู้และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติของนักเรียนชั้นประถมศึกษา อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี, 6(3), 1-17.
สุนิสา สงสัยเกตุ, รัตน์ติพร โกสุวินทร์, ปะการัง ศรีมี, สันธาน จันทะมุด, กนกวรรณ ยั่งยืน, และกัญชลิตา ธวัชเมธานันท์. (2564). ผลของโปรแกรมการสอนสุขศึกษาที่มีต่อความรู้และพฤติกรรมสุขภาพเรื่อง สุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนชุมชนวัดเชี่ยวโอสถ จังหวัดนครนายก. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 37(1), 206-217.
สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร. (2566). ข้อมูลนักเรียนภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566. สืบค้นจาก https://shorturl.at/rueHo
สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย. (2561). รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติครั้งที่ 8 ประเทศไทย พ.ศ. 2560. กรุงเทพฯ: สามเจริญพาณิชย์ จำกัด.
สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2562). รายงานการสำรวจความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของเด็กวัยเรียน ปี 2562. สืบค้นจาก https://hp.anamai.moph.go.th/web-upload/4xceb3b571ddb70741ad132d75876bc41d/202011/m_news/28293/193576/file_download/f13a94dbb4dcb99c90b8616319fc7222.pdf
สำนักสื่อสารและประชาสัมพันธ์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2566). สุขภาพดี ด้วยสุขบัญญัติแห่งชาติ 10 ประการ. สืบค้นจาก https://prgroup.hss.moph.go.th/medias/article/1581-สุขภาพดี-ด้วยสุขบัญญัติแห่งชาติ-10-ประการ
Burn, N., & Grove, S. K. (2009). The practiceofnursing research: Appraisal, synthesis,and generation of evidence (6th ed.). Missouri: Elsevier.
Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social science & medicine, 67(12), 2072-2078. doi: 10.1016/j.socscimed.2008.09.050
Piaget, J. (1964). Cognitive development in children. Journal of research in science teaching, 2(2), 176-186.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
