ผลของการนิเทศทางการพยาบาลโดยใช้แนวคิด GROW Model ต่อสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพในการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูงในหน่วยวิกฤตศัลยกรรมประสาท
คำสำคัญ:
การนิเทศทางการพยาบาล, GROW Model, สมรรถนะพยาบาลวิชาชีพ, การบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูงบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองแบบ 1 กลุ่ม วัดก่อนและหลังการทดลอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพในการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูงในหน่วยวิกฤตศัลยกรรมประสาท ด้านความรู้ การปฏิบัติและทัศนคติ ก่อนและหลังการนิเทศทางการพยาบาลโดยใช้แนวคิด GROW Model กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาวิชาชีพ ที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมประสาท จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ คู่มือ รูปแบบการนิเทศทางการพยาบาลเรื่องการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูง ในหน่วยวิกฤตศัลยกรรมประสาท ประกอบด้วยแผนการนิเทศทางการพยาบาลโดยใช้แนวคดิ GROW Model ในการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูง แบบทดสอบสมรรถนะด้านความรู้ของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารยาความเสี่ยงสูง แบบสอบถามสมรรถนะด้านการปฏิบัติของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารยาความเสี่ยงสูง และแบบสอบถามสมรรถนะด้านทัศนคติของพยาบาลวิชาชีพในการบริหารยาความเสี่ยงสูง ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาของ (Content Validity Index: CVI) 0.82 , 0.88, 0.92 และ 0.90 ตามลำดับ และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82, 0.88, 0.92 และ 0.88 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ Paired t-test โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ผลการวิจัย พบว่า สมรรถนะพยาบาลวิชาชีพในการบริหารยาที่มี ความเสี่ยงสูง หลังการนิเทศทางการพยาบาลโดยใช้แนวคิด GROW Model สูงกว่าก่อนการนิเทศทางการพยาบาล โดยใช้แนวคิด GROW Model อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.01) ทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านความรู้ ด้านการปฏิบัติ และด้านทัศนคติ ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า แนวทางการนิเทศทางการพยาบาลโดยใช้แนวคิด GROW Model สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพด้านการบริหารจัดการยาที่มีความเสี่ยงสูงในหน่วยงานการพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยส่งเสริมให้พยาบาลมีความรู้ ทักษะเชิงปฏิบัติและความสามารถในการตัดสินใจที่เหมาะสมต่อการจัดการยาที่มีความเสี่ยงสูง
เอกสารอ้างอิง
จารุยา ชปารังษี. (2560). สมรรถนะพยาบาลทางระบบประสาทศัลยศาสตร์. วารสารกองการพยาบาล, 44(1), 41-61
จินนา รสเข้ม, พัทยา แก้วสาร, และบุญทิพย์ สิริธรังศรี. (2565). ผลของโปรแกรมการพัฒนาสมรรถนะด้านการบริหารยาของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง จังหวัดแพร่. วารสารพยาบาลทหารบก, 23(2), 169-178.
ทิศนา แขมมณี. (2566). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 26). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2563). การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย: คุณสมบัติการวัดเชิงจิตวิทยา (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปารณีย์ ขาวเจริญ, ดวงใจ สีเขียว, และชมพูนุท สุขหวาน. (2561). การพัฒนารูปแบบการนิเทศโดยวิธีการสอนงานและการเป็นพี่เลี้ยงของครูพี่เลี้ยงนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. วารสารวิชาการศึกษาศาสตร์, 19(1), 125-136.
ปฤษณา เปล่งอารมณ์. (2564). การพัฒนารูปแบบการจัดการทางการพยาบาลเพื่อความปลอดภัยจากการบริหารยาความเสี่ยงสูง โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารแพทย์เขต 4-5, 40(1), 137-160.
ประกายรุ่ง ต้นทัพไทย และขนิษฐา มณีเรืองเดช. (2563). ผลของโปรแกรมการสอนงานพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติและลดอัตราการเกิดความคลาดเคลื่อนในการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 38(1), 59-68.
มยุรฉัตร ด้วงนคร, กุลวดี อภิชาตบุตร, และรัตนาวด์ ชอนตะวัน. (2559). การพัฒนากรอบสมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพ หอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. วารสารพยาบาลสาร, 43(5). 90-101.
รุ่งอรุณ บุตรศรี, สมพันธ์ หิญชีระนันทน์, และปราณี มีหาญพงษ์. (2563). ผลของการนิเทศตามโมเดลการโค้ชแบบโกรว์ของผู้บริหารการพยาบาลระดับต้น ต่อความสามารถในการปฏิบัติงานของพยาบาลวิชาชีพ. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน, 26(2), 84-96.
วรรณชนก จันทชุม, สมปรารถนา ดาผา, รัชตวรรณ ศรีตระกูล, เหรียญทอง วงศ์สุดตา, สุรวดี คัทสิงห์, ศุภลักษณ์ กระแสร์, และดรุณี ศรีสมบูรณ์. (2563). การพัฒนารูปแบบการสอนงานในการปฏิบัติการพยาบาลของพี่เลี้ยงโรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 38(1), 157-166.
ศิริรัตน์ วีรกิตติ, จินตนา วราภาสกุล, และบุญเรือน ชุ่มแจ่ม. (2556). การพัฒนาระบบการใช้แนวปฏิบัติการบริหารยากลุ่มเสี่ยงสูงแบบมีส่วนร่วมของพยาบาลวิชาชีพ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนในการบริหารยาโรงพยาบาลราชธานี. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 31(2), 25-35.
สุรภีย์ อี๊ธงชัย, อรวรรณ สมบูรณ์จันทร์, และเมธารัตน์ เยาวะ. (2563). การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูงโรงพยาบาลสมุทรสาคร. วารสารกองการพยาบาล, 47(1), 25-38.
หน่วยวิกฤตศัลยกรรมประสาท โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า. (2566). รายงานสถิติอุบัติการณ์การบริหารยาที่มีความเสี่ยงสูง ประจำปี 2566. นนทบุรี: โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า.
อรอนงค์ ธาราไพศาลสุข. (2561). ผลของการนิเทศตามโมเดลการโค้ชแบบโกรว์ของผู้บริหารทางการพยาบาลระดับต้นที่โรงพยาบาลเอกชน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครปฐม:มหาวิทยาลัยคริสเตียน.
Anderson, L. W., & Krathwohl, D. R. (2001). A taxonomy for learning, teaching and assessing: A revision of Bloom’s taxonomy of educational objectives. Retrivevd from https://quincycollege.edu/wp-content/uploads/Anderson-and-Krathwohl_Revised-Blooms-Taxonomy.pdf
Sessions, L. C., Nemeth, L. S., Catchpole, K., & Kelechi, T. J. (2019). Nurses’ perceptions of high-alert medication administration safety: A qualitative descriptive study. Journal of advanced nursing, 75(12), 3654-3667. doi: 10.1111/jan.14173
Tyynismaa, L., Honkala, A., Airaksinen, M., Shermock, K., & Lehtonen, L. (2021). Identifying high-alert medications in a university hospital by applying data from the medication error reporting system. Journal of patient safety, 17(6), 417-424. doi: 10.1097/PTS.0000000000000388
Whitmore, J.S. (2017). Coaching for Performance. (5th ed). United Kingdom: Nicholas Brealey Publishing.
World Health Organization. (2023). Medication safety for look-alike, sound-alike medicines. Geneva.
Yousef, A., Mohamed, W., Ali, F., & Ali, E. (2018). Effect of nursing education guidelines about high alert medications on critical care nurses’ knowledge and practices. IOSR Journal of Nursing and Health Science, 7(1), 47-54. doi: 10.9790/1959-0701104754
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
