ผลการดูแลผู้ป่วยวิกฤตตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS ในหอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลนครพิงค์
คำสำคัญ:
แนวปฏิบัติทางการพยาบาล, การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต, แนวคิด FASTHUG และ BANDAIDSบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการดูแลผู้ป่วยวิกฤตในโรงพยาบาลนครพิงค์โดยใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS กลุ่มตัวอย่างได้แก่ 1) พยาบาลวิชาชีพผู้ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยวิกฤต จำนวน 40 คน เลือกแบบเจาะจง 2) ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต เลือกแบบเจาะจง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ และกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS กลุ่มละ 82 ราย เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการวิจัย คือแนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ 1 และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 1) แบบบันทึกการปฏิบัติของพยาบาลในการนำแนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS มาใช้ 2) แบบประเมินความรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS ของพยาบาล 3) แบบประเมินความพึงพอใจของพยาบาลต่อการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS และ 4) แบบบันทึกผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วย โดยผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ .90, .98, .88 และ .88 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา paired t-test, independent t-test, และ chi-square
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลลัพธ์ด้านพยาบาล พบว่าความรู้ของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต หลังการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS สูงกว่าก่อนการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) ภายหลังการส่งเสริมการปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS สัดส่วนการปฏิบัติที่ถูกต้องของพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) และมีความพึงพอใจในระดับมาก ต่อการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS (Mean =4.47, S.D. = 0.68)
2. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย พบว่า อัตราการเสียชีวิต อัตราการเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ อัตราการหย่าเครื่องช่วยหายใจไม่สำเร็จ อัตราการดึงท่อช่วยหายใจ ระยะเวลาในการนอนในหอผู้ป่วยหนักลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p <0.05
การใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลฯ ทำให้เกิดผลลัพธ์ทางคลินิกที่ดีขึ้นต่อผู้ป่วยร่วมกับการนิเทศการสอนทางคลินิกที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพการรักษาพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤตได้
เอกสารอ้างอิง
กัญจนา ปุกคํา, และ ธารทิพย์ วิเศษธาร. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมโดยใช้แนวทาง FAST HUG. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2559;25(1):116-27.
โรงพยาบาลนครพิงค์, กลุ่มงานยุทธศาสตร์. รายงานประจำปี 2565 โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: โรงพยาบาลนครพิงค์; 2565.
โรงพยาบาลนครพิงค์, ภารกิจด้านการพยาบาล. รายงานประจำปี 2565 โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: โรงพยาบาลนครพิงค์; 2565.
วิจิตรา กุสุมภ์ และคณะ. การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต: แบบองค์รวม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สหประชาพาณิชย์; 2556.
วิราวรรณ เมืองอินทร์, บุษบา อัครวนสกุล, มยุรี พรมรินทร์, มยุรฉัตร ด้วงนคร, นงเยาว์ มงคลอิทธิเวช. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวิกฤตโดยใช้แนวคิด FAST HUG ในหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรมและศัลยกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. 2564;48(4):308-23.
Vincent JL. Give your patient a fast hug (at least) once a day. Crit Care Med. 2005;33(6):1225-9. doi: 10.1097/01.ccm.0000165962.16682.46.
สุพัตรา อุปนิสากร, จารุวรรณ บุญรัตน์. การดูแลผู้ป่วยวิกฤตอายุรกรรม: การประยุกต์แนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS. วารสารสภาการพยาบาล. 2557;29(3):19-30.
George, KJ. A systematic approach to care: Adult respiratory distress syndrome. J Trauma Nurse. 2008;15(1):19-22.
Proctor, B. Training for the supervision alliance Attitude, Skills, and Intention. In Cutcliffe JR, Butterworth T, & Proctor B. Fundamental Themes in Clinical Supervision. London: Routledge; 2010.
สุพัตรา สงฆรักษ์. ผลของโปรแกรมการนิเทศทางคลินิก สำหรับผู้บริหารการพยาบาลระดับต้น ที่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบุรี [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยคริสเตียน; 2561.
Bertalanffy LV. General System Theory: Foundation, Development, Applications. Newyork: George Braziller; 1968.
นงลักษณ์ บุญเยีย. ผลการพัฒนารูปแบบทีมการพยาบาล ต่อคุณภาพการพยาบาล ในผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2558;24(5):927-35.
กนิษฐา อิสสระพันธุ์, และ เพียงฤทัย โรจน์ชีวิน. การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการเตรียมผ่าตัดสมองในผู้ป่วยบาดเจ็บทีศีรษะ. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2559;25(5):823-30.
Zepeda EM, Martín CAG. Giving a nutritional fast hug in the intensive care unit. Nutr Hosp. 2015;31(5):2212-9. doi: 10.3305/nh.2015.31.5.8668.
Nair AS, Naik VM, Rayani BK. FAST HUGS BID: Modified Mnemonic for Surgical Patient. Indian J Crit Care Med. 2017;21(10):713-4. doi: 10.4103/ijccm.IJCCM_289_17.
วรางคณา อ่ำศรีเวียง, ปริศนา วะสี, และ พรสวรรค์ เชื้อเจ็ดตน.ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกสำหรับการจัดการความปวดในผู้ป่วยวิกฤต หอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรม, โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2558;38(3):58-65.
Omar R, Gearhart A, Penny D, Jones K, Small J, Stone R, et al. An “Am FAST HUG”: impacting quality metrics in an intensive care unit by restructuring rounding and the role of critical care nurses. Crit Care Med. 2009;22:232-6.
Papadimos TJ, Hensley SJ, Duggan JM, Khuder SA, Borst MJ, Fath JJ, Buchman D. Implementation of the" FASTHUG" concept decreases the incidence of ventilator-associated pneumonia in a surgical intensive care unit. Patient Safety in Surgery. 2008;2(1):1-6. doi: 10.1186/1754-9493-2-3.
อัมพรพรรณ ธีราบุตร และ อภิญญา กุลทะเล. การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยวิกฤต: การประยุกต์แนวคิด FAST HUG. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2560;40(3):126-37.
Ferreira CR, de Souza DF, Cunha TM, Tavares M, Reis SSA, Pedroso RS, de Brito Röder DVD. The effectiveness of a bundle in the prevention of ventilator-associated pneumonia. Brazilian Journal of Infectious Diseases. 2016;20:267-71.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ
เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมพยาบาลฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนบทความต้องศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดทำต้นฉบับตามที่วารสารกำหนด และเนื้อหาส่วนภาษาอังกฤษต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าของภาษามาแล้ว