ผลการดูแลผู้ป่วยวิกฤตตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS ในหอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลนครพิงค์

ผู้แต่ง

  • ดรุณี ไชยวงค์ พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้ากลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลนครพิงค์
  • ชนกพร อุตตะมะ พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าหอผู้ป่วยหนักโรคหัวใจ โรงพยาบาลนครพิงค์
  • ปริชาติ ขันทรักษ์ พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด 3 โรงพยาบาลนครพิงค์
  • บังอร เขื่อนคำ พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม 1 โรงพยาบาลนครพิงค์
  • ปราณี เมธาภรณ์ พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าหอผู้ป่วยหนักศัลยกรรมอุบัติเหตุ โรงพยาบาลนครพิงค์

คำสำคัญ:

แนวปฏิบัติทางการพยาบาล, การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤต, แนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการดูแลผู้ป่วยวิกฤตในโรงพยาบาลนครพิงค์โดยใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS กลุ่มตัวอย่างได้แก่ 1) พยาบาลวิชาชีพผู้ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยวิกฤต จำนวน 40 คน เลือกแบบเจาะจง 2) ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต เลือกแบบเจาะจง แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ และกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS กลุ่มละ 82 ราย เครื่องมือที่ใช้ดำเนินการวิจัย คือแนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ 1 และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 1) แบบบันทึกการปฏิบัติของพยาบาลในการนำแนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS มาใช้ 2) แบบประเมินความรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS ของพยาบาล 3) แบบประเมินความพึงพอใจของพยาบาลต่อการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS และ 4) แบบบันทึกผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ป่วย โดยผ่านการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือได้ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ .90, .98, .88 และ .88 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา paired t-test, independent t-test, และ chi-square

ผลการวิจัยพบว่า

1. ผลลัพธ์ด้านพยาบาล พบว่าความรู้ของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวิกฤต หลังการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS สูงกว่าก่อนการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) ภายหลังการส่งเสริมการปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยวิกฤตตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS สัดส่วนการปฏิบัติที่ถูกต้องของพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) และมีความพึงพอใจในระดับมาก ต่อการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลตามแนวคิดของ FASTHUG และ BANDAIDS (Mean =4.47, S.D. = 0.68) 

2. ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย พบว่า อัตราการเสียชีวิต อัตราการเกิดปอดอักเสบจากการใช้เครื่องช่วยหายใจ อัตราการหย่าเครื่องช่วยหายใจไม่สำเร็จ อัตราการดึงท่อช่วยหายใจ ระยะเวลาในการนอนในหอผู้ป่วยหนักลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p <0.05

การใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลฯ ทำให้เกิดผลลัพธ์ทางคลินิกที่ดีขึ้นต่อผู้ป่วยร่วมกับการนิเทศการสอนทางคลินิกที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพการรักษาพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤตได้

เอกสารอ้างอิง

กัญจนา ปุกคํา, และ ธารทิพย์ วิเศษธาร. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรมโดยใช้แนวทาง FAST HUG. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2559;25(1):116-27.

โรงพยาบาลนครพิงค์, กลุ่มงานยุทธศาสตร์. รายงานประจำปี 2565 โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: โรงพยาบาลนครพิงค์; 2565.

โรงพยาบาลนครพิงค์, ภารกิจด้านการพยาบาล. รายงานประจำปี 2565 โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. เชียงใหม่: โรงพยาบาลนครพิงค์; 2565.

วิจิตรา กุสุมภ์ และคณะ. การพยาบาลผู้ป่วยภาวะวิกฤต: แบบองค์รวม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สหประชาพาณิชย์; 2556.

วิราวรรณ เมืองอินทร์, บุษบา อัครวนสกุล, มยุรี พรมรินทร์, มยุรฉัตร ด้วงนคร, นงเยาว์ มงคลอิทธิเวช. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยวิกฤตโดยใช้แนวคิด FAST HUG ในหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรมและศัลยกรรม โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. 2564;48(4):308-23.

Vincent JL. Give your patient a fast hug (at least) once a day. Crit Care Med. 2005;33(6):1225-9. doi: 10.1097/01.ccm.0000165962.16682.46.

สุพัตรา อุปนิสากร, จารุวรรณ บุญรัตน์. การดูแลผู้ป่วยวิกฤตอายุรกรรม: การประยุกต์แนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS. วารสารสภาการพยาบาล. 2557;29(3):19-30.

George, KJ. A systematic approach to care: Adult respiratory distress syndrome. J Trauma Nurse. 2008;15(1):19-22.

Proctor, B. Training for the supervision alliance Attitude, Skills, and Intention. In Cutcliffe JR, Butterworth T, & Proctor B. Fundamental Themes in Clinical Supervision. London: Routledge; 2010.

สุพัตรา สงฆรักษ์. ผลของโปรแกรมการนิเทศทางคลินิก สำหรับผู้บริหารการพยาบาลระดับต้น ที่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบุรี [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยคริสเตียน; 2561.

Bertalanffy LV. General System Theory: Foundation, Development, Applications. Newyork: George Braziller; 1968.

นงลักษณ์ บุญเยีย. ผลการพัฒนารูปแบบทีมการพยาบาล ต่อคุณภาพการพยาบาล ในผู้ป่วยหนักศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2558;24(5):927-35.

กนิษฐา อิสสระพันธุ์, และ เพียงฤทัย โรจน์ชีวิน. การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการเตรียมผ่าตัดสมองในผู้ป่วยบาดเจ็บทีศีรษะ. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2559;25(5):823-30.

Zepeda EM, Martín CAG. Giving a nutritional fast hug in the intensive care unit. Nutr Hosp. 2015;31(5):2212-9. doi: 10.3305/nh.2015.31.5.8668.

Nair AS, Naik VM, Rayani BK. FAST HUGS BID: Modified Mnemonic for Surgical Patient. Indian J Crit Care Med. 2017;21(10):713-4. doi: 10.4103/ijccm.IJCCM_289_17.

วรางคณา อ่ำศรีเวียง, ปริศนา วะสี, และ พรสวรรค์ เชื้อเจ็ดตน.ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกสำหรับการจัดการความปวดในผู้ป่วยวิกฤต หอผู้ป่วยวิกฤตศัลยกรรม, โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2558;38(3):58-65.

Omar R, Gearhart A, Penny D, Jones K, Small J, Stone R, et al. An “Am FAST HUG”: impacting quality metrics in an intensive care unit by restructuring rounding and the role of critical care nurses. Crit Care Med. 2009;22:232-6.

Papadimos TJ, Hensley SJ, Duggan JM, Khuder SA, Borst MJ, Fath JJ, Buchman D. Implementation of the" FASTHUG" concept decreases the incidence of ventilator-associated pneumonia in a surgical intensive care unit. Patient Safety in Surgery. 2008;2(1):1-6. doi: 10.1186/1754-9493-2-3.

อัมพรพรรณ ธีราบุตร และ อภิญญา กุลทะเล. การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการในผู้ป่วยวิกฤต: การประยุกต์แนวคิด FAST HUG. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2560;40(3):126-37.

Ferreira CR, de Souza DF, Cunha TM, Tavares M, Reis SSA, Pedroso RS, de Brito Röder DVD. The effectiveness of a bundle in the prevention of ventilator-associated pneumonia. Brazilian Journal of Infectious Diseases. 2016;20:267-71.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-12-30

รูปแบบการอ้างอิง

ไชยวงค์ ด. ., อุตตะมะ ช., ขันทรักษ์ ป. ., เขื่อนคำ บ. ., & เมธาภรณ์ ป. . (2023). ผลการดูแลผู้ป่วยวิกฤตตามแนวคิด FASTHUG และ BANDAIDS ในหอผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลนครพิงค์. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ, 29(2), 32–50. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnorthnurse/article/view/267345

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย