การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อป้องกันการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจโดยไม่ได้วางแผนในผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส และวัณโรคปอดที่ใส่ท่อช่วยหายใจ
คำสำคัญ:
Unplanned extubations, Innovation, Self-extubationบทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and development: R&D) มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนานวัตกรรมช่วยผูกยึดและป้องกันการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจโดยไม่ได้วางแผน 2) เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของนวัตกรรม และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรม คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ประกอบด้วยผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัสและวัณโรคปอดที่ใส่ท่อช่วยหายใจ หอผู้ป่วยเฉพาะโรค โรงพยาบาลมหาสารคาม จำนวน 146 ราย และพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 24 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ แบบบันทึกการเกิดแผลกดทับจากการผูกยึด แบบบันทึกระยะเวลาในการผูกยึด แบบประเมินประสิทธิภาพของนวัตกรรม และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่านวัตกรรม “ผ้าผูกรัก พิทักษ์ Tube” มีความคงทน แข็งแรง ทำความสะอาดง่าย ใช้งานง่ายและสะดวก พยาบาลวิชาชีพมีความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรมในระดับดีมาก เมื่อใช้นวัตกรรมพบว่า มีอัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจและอัตราการเกิดแผลกดทับจากการผูกยึด ลดลงซึ่งต่ำกว่าเกกณฑ์ตัวชี้วัดของโรงพยาบาลและก่อนการใช้นวัตกรรม รวมถึงใช้เวลาในการผูกยึดผู้ป่วยลดลงเหลือ 3-5 นาที ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า นวัตกรรม “ผ้าผูกรัก พิทักษ์ Tube” สามารถลดอัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจและอัตราการเกิดแผลกดทับจากการผูกยึดในผู้ป่วยโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัสและวัณโรคปอดที่ใส่ท่อช่วยหายใจอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
เอกสารอ้างอิง
Li P, Sun Z, Xu J. Unplanned extubation among critically ill adults: A systematic review and meta-analysis. Intensive Crit Care Nur. 2022:103-219.
da Silva PSL, Fonseca MCM. Unplanned endotracheal extubations in the intensive care unit: systematic review, critical appraisal, and evidence-based recommendations. Anesth Analg. 2012;114(5):1003-14.
Tanios M, Epstein S, Grzeskowiak M, Nguyen HM, Park H, Leo J. Influence of sedation strategies on unplanned extubation in a mixed intensive care unit. Am J Crit Care. 2014;23(4):306-14.
Cosentino C, Fama M, Foà C, Bromuri G, Giannini S, Saraceno M, et al. Unplanned Extubations in Intensive Care Unit: evidence for risk factors: A literature review. Acta Biomed Ateneo Parm. 2017;88(Suppl 5):55-65.
Menon K, Dundon B, Twolan B-L, AlShammari S. Approach to unplanned extubations in a pediatric intensive care unit. Can J Crit Care Nurs. 2015;26(3):25-9.
de Bruijn W, Daams JG, van Hunnik FJ, Arends AJ, Boelens A, Bosnak EM, et al. Physical and pharmacological restraints in hospital care: protocol for a systematic review. Front Psychiatry. 2020;10:921.
Sharifi A, Arsalani N, Fallahi-Khoshknab M, Mohammadi-Shahbolaghi F. The principles of physical restraint use for hospitalized elderly people: an integrated literature review. Syst Rev. 2021;10(1):1-10.
บังอร นาคฤทธิ์ อำภาพร นามวงศ์พรหมและน้ำอ้อย ภักดีวงศ์. การเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจและระยะเวลาการใส่เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยวิกฤตที่ได้รับการดูแลโดยใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลที่สร้างจากหลักฐานเชิงประจักษ์. วารสารเกื้อการุณย์. 2015;22(1):129-43.
มณีนุช สุทธสนธิ์ ขนิษฐา แก้วกัลยา และวาสนา นัยพัฒน์. ผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลต่ออัตราการเกิดท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดในผู้ป่วยอาการหนักที่ใส่ท่อช่วยหายใจ. วารสารการพยาบาลและการศึกษา. 2017;10(2):58-70.
วิภารัตน์ นาวารัตน์ พนมพร พฤทธิพงศ์พันธุ์ ปริชาติ ศรีอนุรักษ์ ปทุมพร กานยะคามิน และสุวีณา เบาะเปลี่ยน. ผลของการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด โดยไม่ได้วางแผนต่ออัตราการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจ ในหอผู้ป่วยอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า. วารสารพยาบาลทหารบก. 2560;18(1):167-75.
กุสุมาลย์ รามศิริ นิติภา เพชรสิงห์ และจีระพรรณ วันหากิจ. ประสิทธิผลการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยต่ออุบัติการณ์การถอดท่อช่วยหายใจโดยไม่ได้วางแผน หอผู้ป่วยวิกฤติศัลยกรรม โรงพยาบาลเลย. ชัยภูมิเวชสาร. 2019;39(1):16-25.
หอผู้ป่วยเฉพาะโรค โรงพยาบาลมหาสารคาม. รายงานสรุปตัวชี้วัด เกณฑ์ และผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วย หอผู้ป่วยเฉพาะโรค โรงพยาบาลมหาสารคาม ประจำปี 2564. มหาสารคาม: โรงพยาบาลมหาสารคาม; 2564.
วรนาฎ วุฒิเป็ก. การพัฒนาการพยาบาลในการป้องกันท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุด. ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลขุขันธ์; 2560.
สว่าง ปานบัว และนาตยา คำสว่าง. การป้องกันการเกิดท่อช่วยหายใจเลื่อนหลุดจากการที่ผู้ป่วยดึงออกเอง หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม 1. พิษณุโลก: โรงพยาบาลพุทธชินราช; 2563.
ไพลิน ชินคำ ณัฎฐ์กานต์ อรรถอาภา และภัทราพร โตสาลี. การป้องกันการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจในผู้ป่วยวิกฤต. นครสวรรค์: โรงพยาบาลค่ายจิรประวัติ; 2560.
อ้อย เกิดมงคล และปิยภรณ์ หลักมั่น. ถุงมือมหัศจรรย์ลดการดึงท่อช่วยหายใจ (สาขาอายุรกรรม). แม่ฮ่องสอน: โรงพยาบาลศรีสังวาลย์; 2561.
อนุชา ไทยวงษ์ กัญญาพัชร เบ้าทอง กานต์รวี โบราณมูล มลฤดี แสนจันทร์ และวัชราภรณ์ ศรีโสภา. นวัตกรรมทางการพยาบาลในการสนับสนุนและส่งเสริมความสามารถในการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและคอที่ได้รับรังสีรักษา. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม. 2018;15(3):159-68.
Nastasi BK, Schensul SL. Contributions of qualitative research to the validity of intervention research. J Sch Psycho. 2005;43(3):177-95.
Doğan A, Karasu F, Yilmaz L. The effects of nurses’ use of personal protective equipment on their vital signs during the COVID-19 pandemic. Work. 2022(Preprint):1-8.
Choudhury A, Singh M, Khurana DK, Mustafi SM, Ganapathy U, Kumar A, et al. Physiological effects of N95 FFP and PPE in healthcare workers in COVID intensive care unit: A prospective cohort study. Indian J Crit Care Med. 2020;24(12):1169.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ
เนื้อหาและข้อคิดเห็นใดๆ ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมพยาบาลฯ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนเท่านั้น ผู้เขียนบทความต้องศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์การจัดทำต้นฉบับตามที่วารสารกำหนด และเนื้อหาส่วนภาษาอังกฤษต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าของภาษามาแล้ว