Nurses’ roles in Supporting Self-management for Preventing Diabetic Foot Ulcer among Patients with Diabetes Mellitus

ผู้แต่ง

  • ชยพล ศิรินิยมชัย คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค ม.พายัพ

คำสำคัญ:

supporting self-management, Diabetic foot Ulcer, Patients with Diabetes Mellitus, Nurses' Roles

บทคัดย่อ

       โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่จำเป็นต้องจัดการตนเอง เพื่อควบคุมอาการของโรคและภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โดยเฉพาะการเกิดแผลที่เท้าเบาหวานซึ่งเป็นสาเหตุหลักสำคัญที่นำไปสู่การตัดเท้าและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวาน  ดังนั้นการควบคุมภาวะเสี่ยงต่อการเกิดแผลที่เท้าเบาหวานและการกลับเป็นซ้ำของแผลที่เท้าเบาหวานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวานทุกคน  ปัจจุบันมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สนับสนุนว่าการจัดการตนเอง เป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันการเกิดแผลที่เท้าเบาหวาน หากผู้ป่วยเบาหวานมีการดูแลเท้าที่ดีและมีความสามารถในการจัดการตนเองกับการดูแลเท้าที่เพิ่มขึ้น พยาบาลเป็นบุคลากรทางสุขภาพที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยเบาหวานมากที่สุด พยาบาลจึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ประกอบด้วย บทบาทของพยาบาลในการสนับสนุนงานที่ต้องจัดการตนเอง 3 ด้าน ได้แก่ 1) การจัดการทางการแพทย์และการรักษา 2) การจัดการการปรับพฤติกรรมหรือบทบาท และ 3) การจัดการด้านอารมณ์ บทบาทของพยาบาลในการฝึกทักษะในการจัดการตนเองให้กับผู้ป่วยเบาหวานเพื่อป้องกันการเกิดแผลที่เท้าเบาหวาน ประกอบ 6 ทักษะ ได้แก่ 1) ทักษะการแก้ไขปัญหา 2) ทักษะการตัดสินใจ 3) ทักษะการใช้แหล่งประโยชน์ 4) ทักษะการสร้างสัมพันธภาพระหว่างผู้ป่วยเบาหวานและพยาบาล 5) ทักษะการลงมือปฏิบัติ และ 6) ทักษะการปรับปรุงการดูแลเท้าเพื่อป้องกันการเกิดแผลที่เท้าเบาหวาน ซึ่งจะส่งผลในการป้องกันการเกิดแผลที่เท้าและทำให้มีสุขภาพเท้าที่ดีตลอดไป

เอกสารอ้างอิง

Ogurtsova K, Fernandes R, Huang Y, Linnenkamp U, Guariguata L, Cho NH, et al. IDF Diabetes Atlas: Global estimates for the prevalence of diabetes for 2015 and 2040. Diabetes Research and Clinical Practice 2017; 128:40–50.

สายฝน ม่วงคุ้ม. บทบาทพยาบาลในการดูแลเท้าเบาหวาน. Journal of The Royal Thai Army Nurses 2560; 18(ฉบับพิเศษ): 1-10.

ณัฐพงค์ โฆษชุณหนันท์. พยาธิสรีรวิทยาของโรคเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน. ใน: ณัฐพงค์ โฆษชุณหนันท์ และคณะ, บรรณาธิการ. ตำราการป้องกันและรักษาโรคเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน. กรุงเทพฯ: ทริค ธิงค์; 2556. หน้า. 21-34

Merriwether EN. Impact of foot progression angle modification on plantar loading in individuals with diabetes mellitus and peripheral neuropathy. Edorium J Disabil Rehabil 2016; 2(1): 15-23.

Formusa C, Gatt A, Chockalingam N. The importance of diabetes foot care education in a primary care setting. Journal of Diabetes Nursing 2012; 16(10): 410-14.

Moungkum S, Duangpaeng S, Baramee J. Factor influencing foot conditions among people with type 2 diabetes in east Thailand. Journal of Science, Technology, and Humanities 2011;9(2):65-74.

กรรณิการ์ ศรีสมทรง. ผลของการสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลเท้าของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารสภาการพยาบาล 2560; 32(3): 120-134.

สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์. แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนที่เท้า 2556. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2556.

LeoneS, Pascale R, Vitale M, Esposito S. Epidemiology of diabetic foot. Infez Med 2012; 20: 8-13.

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ.คู่มือบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2558 เล่มที่ 4 :การบริหารงบบริการควบคุมป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง 2557. กรุงเทพฯ:สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง.

อารีย์ เสนีย์. โปรแกรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารพยาบาลทหารบก 2557; 15(2): 129-134.

ชุลีกร ด่านยุทธศิลป์. การส่งเสริมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ 2560; 11(2) (ฉบับพิเศษ): 97-104

Creer TL. Self-management of chronic illness. In: Boekarts M, Pintrich P, Seidner M, editors. Self-regulation: theory, research, and applications. Orlando, FL: Academic Press; 2000. p. 601-29.

Bandura A. Self-efficacy: the exercise of control. New York: Freeman; 1997.

ศิริลักษณ์ ถุงทอง. บทบาทพยาบาลในการสนับสนุนการจัดการตนเองของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ 2561; 1(1): 46-57.

Creer TL. Self-management of chronic illness. In: Boekarts M, Pintrich P, Seidner M, editors. Self-regulation: theory, research, and applications. Orlando, FL: Academic Press; 2000. p. 601-29.

Lorig KR, Holman, HR. Self-management education: history, definition, outcomes, and mechanisms. Ann Behav Med 2003;26:1-7.

Ryan P, Sawin KJ. The individual and family self-management theory: background and perspectives on context, process, and outcomes. Nurs Outlook 2009;57(4):217-25.

ชดช้อย วัฒนะ.การสนับสนุนการจัดการตนเอง: กลยุทธ์ในการส่งเสริมการควบคุมโรค. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี 2558; 26: 117-127.

พัชรี อ่างบุญตา. ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. พยาบาลสาร 2555; 39(3): 93-104.

Corbin JM, Strauss A. Unending work and care: Managing chronic illness at home. San Francisco: Jossey-Bass; 1988.

Lorig KR, Holman, HR. Self-management education: history, definition, outcomes, and mechanisms. Ann Behav Med 2003;26:1-7.

Sae-Sia W, Maneewat K, Kurniawan T. Effect of a self-management support program on diabetic foot care behaviors. International Journal of Research in Nursing 2013; 4(1):14-21.

ศรินญาภรณ์ พวงเงินมาก วันเพ็ญ แก้วปาน ปาหนัน พิชยภิญโญ และ อุไรวรรณ หาญวงค์. สมรรถนะของพยาบาลเวชปฏิบัติที่ปฏิบัติงานในคลินิกเบาหวาน ณ หน่วยบริการปฐมภูมิ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ 2560; 23(1): 11-20.

ประภัสสร ไชยชนะ และ จุฑามาศ กิติศรี. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะการดูแลตนเองโดยอาศัยรูปแบบเพื่อนช่วยเพื่อนต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ 2561; 24(1): 100-111.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-12-29

รูปแบบการอ้างอิง

ศิรินิยมชัย ช. (2020). Nurses’ roles in Supporting Self-management for Preventing Diabetic Foot Ulcer among Patients with Diabetes Mellitus. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ, 26(2), 78–89. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnorthnurse/article/view/241973

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิชาการ